เดือดได้อีก!?!..."สุเทพ"ว่าไง"จตุพร"ท้าดีเบตร่างรธน.

  นายจตุพร พรหมพันธุ์ เเกนนำนปช.กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์วันนี้ว่า ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยตนไม่เอาด้วยเด็ดขาด มีบางคนอธิบายว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน คสช.จะอยู่ต่อ1ปีครึ่งเพื่อปฏิรูปประเทศ การประเมินเรื่องนี้สองปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ยืนยันว่าทำได้เพียงร้อยละสิบเท่านั้น ไม่นับรวมการเเก้ไขปัญหาประเทศ หนทางประชาธิปไตยไม่มีวันได้มาจากเผด็จการ การอ้างว่าการปฏิรูปต้องมีพลเอกประยุทธ์เท่านั้น เเต่ตนมองว่าพลเอกประยุทธ์มีโอกาสสองปีเเล้ว เฉลี่ยทำได้ปีละ5เปอร์เซ็นต์ เเละหลายเรื่องทำไม่สำเร็จ เช่นปฏิรูปการศึกษา เเม้มีคำสั่งพลเอกประยุทธ์ให้เรียนฟรี15ปีเเต่หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ เเละรัฐธรรมนูญระบุให้เรียนฟรี12ปี เมื่อเป็นเเบบนี้จะทำเช่นใด เพราะสิ่งใดๆจะขัดเเย้งรัฐธรรมนูญไม่ได้

 

นายจตุพรกล่าวว่า ตนเห็นว่าตราบใดไม่เชื่ออำนาจประชาชน ไม่เเน่ใจว่าคนที่ร่มวกับกปปส.เข้าใจประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เเบบเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เเกนนำกปปส.หรือไม่ เเละตนเชื่อมั่นประชาชนเข้าใจว่า หากจะะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์นั้น อำนาจต้องเป็นของประชาชน เเต่ตรงนี้ชี้ว่า หากมีความสมบูรณ์เเล้ว บ้านเมืองยิ่งเป็นเผด็จการ อำนาจกลับไม่เป็นของประชาชนการปฏิรูปประชาชนต้องตัดสินใจ ไม่ใช่ให้คนอื่นคิดเเทน

 

นายจตุกล่าวว่า ขอให้ประชาชนยึดหลักว่า นายกฯ -ส.ส.-ส.ว.เเละองค์กรอิสระมีที่มาจากไหน ประชาชนโดนใช้เป็นเครื่องประดับ คือ ประชาชนไปลงประชามติ หากรัฐธรรมนูญผ่านเท่ากับว่า ประชาชนรับรองเเล้ว หลังจากนั้นบ้านเมืองจะเป็นเผด็จการก็ช่าง เเต่เผด็จการใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย เเบบนี้ตนรับไม่ได้เเละเชื่อว่าการปฏิรูปต้องมาจากประชาชน อย่าอ้างว่าประชาชนควรรับร่างรัฐธรรมนูญจะได้มีการปฏิรูป ตรงนี้ตนเชื่อเเตกต่างจากนายสุเทพ เเละเชื่อว่าเเกนนำกปปส.คนอื่นก็เชื่อเเบบตน ย้ำว่า ตนไม่เอาด้วยกับรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเผด็จการจะอยู่กับบ้านเมืองยาวนาน เเล้วใครจะรับผิดชอบ

 

“ขอท้านายสุเทพมาดีเบตกับตนทางเฟซบุ๊คไลฟ์เพื่อกระตุ้นประชาชนไปใช้สิทธิ”

 

สำคัญสุดคือพื้่นที่ไม่เห็นด้วยโดนรุกรานทุกรูปเเบบ เช่นจ.เชียงใหม่นั้น ถามตำรวจว่า ผิดมาตรา61วรรคสองเรื่องใด หากตอบไม่ได้ ก็สามารถสื่อสารได้ทุกรูปเเบบ ควรคำนึงถึงวันที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยบ้าง มีการประโคมข่าวให้น่ากลัว หากผิดกฎหมาย สื่อบางเล่มผิดเเล้ว เพราะนำไปเผยเเพร่ อย่าไปกลัวเรื่องนี้เเละอย่าคิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง ตนเชื่อว่าวันที่7ส.ค.ประชาชนรู้เเละตัดสินใจ โดยวันนั้นตนไปใช้สิทธิไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้เผยแพร่ผ่าน เฟซบุ๊กไลฟ์ ชี้แจงถึงกรณีหากร่าง รธน.ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผ่านการเห็นชอบในการลงประชามติ วันที่ 7 ส.ค. นี้แล้ว อนาคตของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะเป็นอย่างไร ว่า ขณะนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า หากร่าง รธน. ผ่านการลงประชามติ ประกาศใช้บังคับแล้ว คสช.จะทำอย่างไร รัฐบาลจะทำอย่างไร ซึ่งตนได้ดูร่าง รธน.ฉบับนี้ ในมาตรา 265 บัญญัติว่า ให้ คสช. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รธน.นี้ ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี ที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปจะเข้ารับหน้าที่

ดังนั้น อำนาจหน้าที่ คสช.ก็ยังเหมือนเดิม คือ ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พาบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตไปให้ได้ อีกทั้งอำนาจที่มีอยู่ตาม รธน. (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และแก้ไขเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับ ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม คำสั่งของ คสช. ยังเป็นกฎหมาย มีผลใช้บังคับต่อไป

 

นอกจากนี้ คสช. ก็ยังมีหน้าที่ ที่สำคัญ ภายหลังจากที่รธน.ฉบับนี้ใช้บังคับ พร้อมๆ กับการเลือกตั้ง ส.ส. คือ ในมาตรา 269 คสช. มีบทบาท และมีความสำคัญ ที่จะต้องเลือกคนดี มีความสามารถ มีความรู้ และประสบการณ์จากสาขาอาชีพต่างๆ มาเป็น ส.ว. เพื่อทำหน้าที่สำคัญให้กับบ้านเมือง ส่วนรัฐบาลชุดปัจจุบันนั้น ต้องทำงานต่อไป ตามมาตรา 264 ซึ่งจะต้องทำกฎหมายตามที่ร่างรธน. ฉบับนี้บังคับไว้ให้เสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป อีกทั้งการปฏิรูปประเทศ ก็จะมีการเริ่มลงมือปฏิรูปประเทศในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ ที่เป็นผู้เริ่มปฏิรูปประเทศไทยครั้งยิ่งใหญ่ ในทุกด้าน ตามรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 16 ได้บัญญัติเอาไว้ โดยบางเรื่องก็ทำไปแล้ว เช่น เรื่องการศึกษา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ต้องทำให้เสร็จใน 1 ปี

ดังนั้น คสช.และรัฐบาล ยังมีภาระหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้กับประเทศชาติ ใครที่คิดว่า ต้องการให้อยู่นานสักหน่อยนั้น ถึงรัฐธรรมนูญนี้ผ่านแล้ว คสช. และรัฐบาล ก็จะต้องทำหน้าที่ต่อไปอีกประมาณ ปีครึ่งเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เพียงพอสำหรับการแก้ปัญหาของประเทศ สำหรับการเดินหน้าให้ประเทศเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยฯ ดังนั้น จึงขออย่ากังวลใจ