ฟังเสียงจากใจ "พระเมธีธรรมาจารย์" ถึง "พล.อ.ประยุทธ์" ... ยังไม่เคลียร์ประเด็น สมเด็จพระสังฆราช...??? (มีรายละเอียด)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตั้งข้อหามีส่วนรู้เห็นในการครอบครองสินค้าที่ไม่เสียภาษีและข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จในเอกสารราชการกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่า ทุกอย่างต้องดำเนินตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้โอกาสเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานและให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง (อ่านข่าวเพิ่มเติม >>> http://headshot.tnews.co.th/contents/197697/ ยังให้โอกาส...!!! "พล.อ.ประยุทธ์" เผย คดีสมเด็จช่วง ผิดถูก มาสู้กันด้วยกฎหมาย ย้ำ ไม่ทูลเกล้าฯ จนกว่าจะเคลียร์จบ... (มีคลิป))

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุหัวข้อว่า "จากใจพระเมธีธรรมาจารย์ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" โดยข้อความระบุว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ถึงกรณีที่จะไม่นำชื่อสมเด็จพระราชาคณะขึ้นทูลเกล้าฯ ตามมติมหาเถรสมาคม ได้ให้เหตุผลว่าต้องเคลียร์ข้อกล่าวหาให้ได้ก่อน ซึ่งรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกรัฐมนตรี แยกได้ ดังนี้

1.ขั้นตอนการพิจารณาเป็นไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

2.ให้โอกาสทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงข้อเท็จจริง

3.กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน ถ้าไม่ แบบนี้มันจะเดินต่อไปไม่ได้

4.วันนี้บ้านเมืองยุ่งมากพอแล้ว อะไรที่ไม่เร่งด่วนก็เบาๆ กันบ้าง

5.ต้องเคลียร์ข้อกล่าวหาให้ได้ก่อน

6.นายกรัฐมนตรีเคารพพระสงฆ์ทุกองค์ ไม่ได้เลือกข้างใครอยู่แล้ว

7. ทุกอย่างต้องใช้กฎหมายเพื่อเป็นบรรทัดฐาน

 

อาตมาขอตอบจากความรู้สึกในใจที่มีอยู่ต่อท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดังนี้

1.ไม่มีใครปฏิเสธขั้นตอนของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แต่ท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ฉุกคิดสักนิดเลยหรือว่า ทำไมเวลานี้จึงมีกลุ่มบุคคลเพียงหยิบมือเดียว แต่มีความใกล้ชิดกับภาครัฐ พยายามสร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ สร้างเหตุการณ์ให้เกิดความวุ่นวายสับสน พยายามหาข้อกฎหมาย พระธรรมวินัยมาผูกโยงร้อยรัดให้เป็นเรื่อง เป็นประเด็นให้ได้ ในคดีดังกล่าวนักกฎหมายที่มีใจเป็นธรรมย่อมมองคดีนี้เห็นชัดว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนา มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ท่านอายุอานามตั้ง 91 ปีแล้วได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะมากกว่า 20 ปี ท่านจะเอาชีวิตและชื่อเสียงของท่านมาแลกกับสิ่งเหล่านี้ทำไม

แต่สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐกลับหายใจเป็นจังหวะเดียวกันกับผู้ร้อง เหตุการณ์ทำนองนี้ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ในเรื่องนี้เลยหรือ

2.โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือการไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรจะเป็นต่างหาก สังคมนี้ยังมีความเหลื่อมล้ำในเรื่องการได้รับความเสมอภาคด้านโอกาสและหมายรวมถึงความยุติธรรมด้วย

3.กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ ถ้าเป็นกระบวนการที่ถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่เลือกสี เลือกข้าง ใครก็ต้องพึ่งต้องหวัง แต่ในปัจจุบันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีจะกล้าพูดได้ไหมว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยบริสุทธิ์ โปร่งใสไม่มีใครคนไหนแทรกแซงได้

4. ข้อนี้ท่านนายกรัฐมนตรีต้องบอก ต้องเตือนอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ไม่ใช่พูดหรือเตือนแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งบอกเตือนเรื่องกิริยามารยาทต่อหน่วยงานของรัฐและรัฐมนตรีร่วม ครม.ด้วย

5.ในทางบริหาร นายกรัฐมนตรีมีแหล่งข้อมูลรอบด้าน จะเรียกข้อมูลใคร จากหน่วยงานไหน ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เป็นเรื่องของความสงบสุขในคณะสงฆ์ และจะลุกลามไปถึงฝ่ายบ้านเมือง การตัดสินใจเชิงบริหารจะดูดี สง่างาม มีภาวะผู้นำ มากกว่าการเดินตามช่องทางที่บางกลุ่ม บางคนขีดเขียนไว้

6.อาตมาดีใจมากที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดว่า "เคารพพระทุกองค์" ดีใจจริงๆ เพราะนี่คือสิ่งที่สังคมสงฆ์สงสัย กังขามานานแสนนาน แต่ภาพที่ท่านนายกรัฐมนตรี ไปร่วมงานและให้พระบางรูปเจิมหน้าผากให้ โดยที่ท่านนายกรัฐมนตรีเองก็นอบน้อมมากๆ ซึ่งผิดกับบุคลิกในปัจจุบันเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีพูดถึงสงฆ์อีกฝ่ายหนึ่ง ภาพการเจิมหน้าผากครั้งนี้ก็ทำให้คณะสงฆ์และสังคมไทยจินตนาการไปไกลสุดกู่เช่นกัน

7.ขอให้ปฏิบัติตามนี้ให้จริงจัง เถอะเพราะสังคมสงฆ์และประชาชนในประเทศนี้อยากเห็นสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว การปรองดองของคนในชาติก็เริ่มจากคุณธรรมข้อนี้ เป็นจุดสำคัญ พระพุทธองค์สอนว่า สีลสามัญญตา การบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกัน ทิฏฐิสามัญญตา การแสดงออกทางกฎหมายก็ต้องเท่าเทียมกัน อาตมายังจำเหตุการณ์ที่หน้าสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย และ การแถลงข่าวที่วัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์ได้เป็นอย่างดี ท่านนายกรัฐมนตรี มีภาระกิจมากมายคงจะจำเรื่องการใช้กฎหมายเป็นบรรทัดฐานเดียวกันแบบนี้ไม่ได้หรอก งานท่านเยอะจริงๆ

ท่านนายกรัฐมนตรี อาตมาเป็นพระผู้น้อย ไม่กล้าที่จะแนะนำอะไรท่านได้หรอก แต่ถ้าให้พูดได้ อาตมาอยากแนะนำว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นคนใจร้อน พูดไว บางเรื่องยังไม่ทันคิด สำหรับเรื่องของพระสงฆ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องสำคัญและมีผลกระทบในทุกภาคส่วน อยากให้ท่านคิดทบทวนให้ละเอียด รอบคอบ ในวันไหนที่ท่านอาบน้ำชำระกายให้สะอาด ใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ ไหว้พระสวดมนต์ทำใจให้สงบ โดนให้ท่านอยู่ลำพังเพียงคนเดียว เป็นตัวตนที่แท้จริงของชายชาติทหารที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่คนเดียวปราศจากบริวารแวดล้อม แล้วให้ท่านคิดทบทวนดูว่าเรื่องของสงฆ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในวันนี้ ท่านได้เดินมาถูกทางแล้วหรือ ท่านทำถูกแล้วใช่หรือไม่ ให้นึกทบทวนให้ดีด้วยจิตที่เป็นกุศล ปราศจากอคติใดๆ รวมทั้งขอให้ท่านนึกถึงหัวอกของพระสงฆ์ทั้งสังฆมณฑลในเวลานี้ด้วย

อาตมายืนยันว่า อาตมาเป็นพระผู้น้อย แต่มีความห่วงใยในคณะสงฆ์และพุทธศาสนา ที่พูดมาก็ไม่ใช่เป็นการอวดดีบังอาจไปอบรมสั่งสอนผู้นำประเทศหรอก เพียงแต่อยากเห็นความยุติธรรมมันแพร่กระจายไปในทุกภาคส่วนในสังคมไทย โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่สังคมสงฆ์

ขออำนวยพรมาด้วยความห่วงใย เพราะอาตมาก็มีใจรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไม่ต่างไปจากท่านนายกรัฐมนตรีเลย

 

ขอบคุณ พระเมธีธรรมาจารย์ - เจ้าคุณประสาร