โดนกันเป็นยวง!!!...ดีเอสไอเปิดชื่อพร้อมพฤติกรรมขบวนการคดีเบนซ์หรู"สมเด็จช่วง"(รายละเอียด)

DSI แถลงความคืบหน้าการประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ คดีพิเศษที่ 12/2559 กรณี รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร

DSI แถลงความคืบหน้าการประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ คดีพิเศษที่ 12/2559 กรณี รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนสอบสวน กรณีการครอบครองรถยนต์ประกอบขึ้น จากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า (รถจดประกอบ) ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เนื่องจากคดีเป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชนโทรศัพท์มาสอบถามความคืบหน้าตลอดเวลา กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงแถลงความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 เวลา 13.00 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ประชุมสรุปประเด็นร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาความผิดของกลุ่มผู้ครอบครองรถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz ที่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน
ส่วนที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวไปแล้วนั้น มีดังนี้
1) นายเกษมศักดิ์  ภวังคนันท์ ข้อหา “ร่วมกันลักลอบหนีศุลกากรหรือซื้อหรือรับไว้ ด้วยประการใดๆ ซึ่งของหนีภาษีศุลกากร” ตาม มาตรา 27 และ มาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบ มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับบที่ 9) พ.ศ. 2482 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2) นายเมธีนันท์ หรือ ชลัช นิติฐิติวงษ์ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 267 และ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 165
3) นายสมนึก บุญประไพ ข้อหา “ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 267 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83
และที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าคดีมีพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนในชั้นนี้ ยังรับฟังได้อีกว่า มีนายพิชัย  วีระสิทธิกุล และนายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับนายเกษมศักดิ์  ภวังคนันท์ ในความผิดตาม ข้อ 1) ด้วย ส่วนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ขม 99กรุงเทพมหานคร มีการชำระภาษีสรรพสามิตไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ สำหรับผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนจะมีความผิดตามมาตรา 161 (1) พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการจะได้พิจารณาดำเนินการเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนในเรื่องเกี่ยวกับการประเมินภาษีเพิ่มเติมทางกรมสรรพสามิตได้พิจารณาดำเนินการแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างรอแจ้งผลการดำเนินการ จากกรมสรรพสามิต หากการดำเนินการมีความคืบหน้าเป็นประการใดจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยเร็ว
 
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
                                                    กรมสอบสวนคดีพิเศษ