ไทยดูฟิลิปปินส์เป็นบทเรียน สุดเหลืออด ด่ากราดฑูตสหรัฐเป็นเกย์...เพราะแทรกแซงกิจการภายในจนเละตุ้มเป๊ะ

ไทยดูฟิลิปปินส์เป็นบทเรียน สุดเหลืออด ด่ากราดฑูตสหรัฐเป็นเกย์...เพราะแทรกแซงกิจการภายในจนเละตุ้มเป๊ะ

การที่สหรัฐฯ เลือกส่งนาย เกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ มาเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไทย ซึ่งเมื่อเปิดแฟ้มประวัติของเขาดู ก็ยิ่งส่อเจตนาในทางแทรกแซงกิจการภายในของไทยมากยิ่งขึ้น เพราะเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ คนนี้เคยผ่านสนามการทำงานในลักษณะหน่วยข่าวและสายลับมาอย่างโชกโชน ก่อนหน้านั้น นายเดวีส์ เคยเป็นผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ
ระหว่าง พ.ศ. 2555 - 2557 และปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้แทนสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency - IAEA)

 

ระหว่างปี พ.ศ. 2552 - 2555 นายเดวีส์ เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มรองผู้ช่วยรัฐมนตรีและเป็นรองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา


ระหว่าง พ.ศ. 2549 - 2552 ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาอาวุโสประจำ Leadership and Management School แห่ง Foreign Service Institute (FSI)เมื่อ พ.ศ. 2548 - 2549 รักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2548 รองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการยุโรประหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2548 และผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองในวาระที่สหรัฐอเมริกาเป็นประธานกลุ่ม G-8ระหว่างปี พ.ศ. 2546 - 2547

 

และช่วงปี พ.ศ. 2542 - 2546 นายเดวีส์ รับตำแหน่งอัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ณ กรุงลอนดอน นอกจากนี้ นายเกล็น ยังเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council - NSC)

 

 ระหว่างปี พ.ศ. 2540 - 2542 รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และรองผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการสาธารณะ ระหว่าง พ.ศ. 2538 - 2540 และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ (Operations Center) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา

 

 ระหว่าง พ.ศ. 2535 - 2537 ขณะที่ก่อนหน้านั้น เคยไปปฏิบัติราชการในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และ ซาอีร์ ว่าด้วยเรื่องพฤติกรรมหรือนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯในการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น

โดยล่าสุดก็เป็นประเทศอย่างฟิลิปินส์ที่กำลังถูกแทรกแซง จากทูตสหรัฐฯอย่างหนัก จนเกิดวิวาทะตอบโต้กันอย่างดุเดือด


ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต วัย 71 ปีผู้นำฟิลิปปินส์ สร้างความขัดแย้งทางการทูตรอบใหม่ด้วยคำกล่าวเสียดสี โดยเรียกนายฟิลิป โกลด์เบิร์ก เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำฟิลิปปินส์ ว่า "เกย์" เป็นภาษาตากาล็อก ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ที่เมืองเซบู ซิตี้ เพราะไม่พอใจที่แถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์ก้าวก่ายกิจการภายในประเทศในฟิลิปปินส์หลายครั้ง ส่งผลให้สหรัฐเรียกพบนายปาทริค ชัวโซโต อุปทูตฟิลิปปินส์ เข้าพบที่กรุงวอชิงตันเพื่อร้องเรียนถ้อยแถลงของผู้นำฟิลิปปินส์

ด้านโฆษกต่างประเทศฟิลิปปินส์ยืนยันว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้เรียกพบกับนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจริง และทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันด้วยดีแต่ไม่ได้รับการเปิดเผย ประธานาธิบดีดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ เจ้าของฉายาว่า ผู้ลงทัณฑ์ (The Punisher) ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ได้รับการกล่าวขวัญว่ามักจะพูดจาหรือแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหลายครั้ง ทั้งการบอกว่าจะฆ่าตัดตอนพวกผู้ค้ายาเสพติดและนักโทษคดีอาชญากรรม รวมถึงเคยพูดถึงบาทหลวงคาทอลิกรูปหนึ่งว่าเป็นลูกโสเภณีมาแล้ว อย่างไรก็ดีเขาได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชนชาวฟิลิปปินส์ และได้รับคะแนนนิยมมากถึงร้อยละ 91 จากการสำรวจความคิดเห็นของพัลส์เอเชีย ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา