กรรมเก่า???...บอกแล้วไม่รู้จักจำ "ทักษิณ"กับพวกหากไม่รีบทบทวนตัวเองจะเป็นมากกว่านี้?(รายละเอียด)

กรรมเก่า

วันที่ 15ส.ค.59 นายอรรถพร พลบุตร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตส.ส.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดภาคใต้ และขู่แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ว่า นายทักษิณและเครือข่ายจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอบสวนและพยานหลักฐาน ซึ่งจะสรุปผลได้เร็วๆนี้ แต่ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงเอง ต้องทบทวนจุดยืนและบทบาทโดยถามตัวเองว่า เหตุใดกระแสสังคมจึงมุ่งเป้าไปที่นายทักษิณและเครือข่ายแทบจะทันที หลังเกิดเหตุระเบิด โดยที่ยังไม่มีการชี้จากฝ่ายการเมืองเพราะเหตุใด

“นายทักษิณและคนเสื้อแดง ต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า เครือข่ายของตนเองมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงมาโดยตลอดหรือไม่ นับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงในปี2551 เช่นกรณีของกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ การวางระเบิดสถานที่สำคัญในกรุงเทพหลายสิบจุด การเผาสี่แยกราชประสงค์และศาลากลาง และการใช้อาวุธสงครามสังหารผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้าม จนเป็นชนวนเหตุให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งกรณีทั้งหมดได้มีคำพิพากษาของศาลที่แสดงถึงความเชื่อมโยงไว้โดยชัดเจน แม้แต่วัดพระแก้วที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ท้าไปสาบานก็ยังเคยถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 79 เครือข่ายของนายทักษิณและความรุนแรงจึงเป็นภาพเดียวกัน และทำให้เกิดกระแสสังคมขึ้นดังกล่าว ผมขอเรียกว่า โดนกรรมเก่าตามสนอง”

นอกจากนี้ นายอรรถพร ยังกล่าวถึงคำแถลงของนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า ทุกคนที่เป็นอดีตนายกฯ รักและห่วงใยประเทศ คงไม่มีใครทำชั่วเช่นนั้น ว่า ถ้าคำกล่าวของนายนพดลเป็นความจริง เหตุการณ์ล้มที่ประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 ซึ่งสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงกับประเทศไทยคงจะไม่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ตนขอเสนอให้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงปรับบทบาทและแนวทางการเมืองให้สอดรับกับการปฏิรูปประเทศที่กำลังเกิดขึ้น และนำเสนอแนวคิดอย่างสร้างสรรค์และเป็นอิสระ การที่พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายประกาศตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ตนขอให้ยึดหลักการนั้น และต้องทำความเข้าใจว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของความรุนแรงและอาชญากรรม