มีอำนาจเต็มแต่ไม่บ้าสั่ง !!! "พล.อ.ประยุทธ์" ลั่น "ครม." ยังอยู่ครบทุกตำแหน่ง ...การแต่งตั้งเป็นเรื่องของตน ไม่ใช่เรื่องของใครทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ยังมีการคาดเดาในขณะนี้ว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยเป็นเรื่องของตน ไม่ใช่เรื่องของใครทั้งสิ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ยังมีการคาดเดาในขณะนี้ว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยเป็นเรื่องของตน ไม่ใช่เรื่องของใครทั้งสิ้น ใครอยากเสนออะไรก็เสนอมาถ้าอยากเสนอ ส่วนตนจะให้หรือไม่ให้เป็นเรื่องของตน เพราะตนคือผู้รับผิดชอบ

ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นหัวหน้าคสช. อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ผม แต่ไม่ใช่จะบ้าอำนาจอะไร เพียงแต่ผมจะต้องเป็นคนตัดสินใจเอง จะทำอะไร จะได้หรือไม่ได้ แต่ทั้งหมดจะต้องมีการหารือร่วมกันมา ไม่ใช่ผมตอบเมื่อวานนี้ว่า เกษียณแล้วก็คือเกษียณ สื่อก็ไปเขียนว่า ผมไล่กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ก็สื่อถามผม ผมก็พูดว่าให้กลับบ้านไปเลี้ยงหลานไปก่อน วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่รู้ แล้วไม่ใช่พอพูดแบบนี้แล้วไปเขียนอีกว่านายกฯ กลับคำว่าวันข้างหน้าจะให้กลับมา จะเข้าหรือไม่เข้า จะไปหรือไม่ไป ยังไม่มีใครรู้อนาคต อย่าไปทำนายล่วงหน้า เรื่องแบบนี้ทำนายกันได้อย่างไร ไปพูดว่า จะต้องตอบแทนทหารทำไม คนเขาไม่ชอบทหารกันอยู่ สื่อยิ่งพูดเขาก็ยิ่งไม่ชอบไปใหญ่ ยืนยันว่าทุกคนต่างก็ทำงานเต็มที่ ไปดูได้ทุก ๆ กระทรวง ไม่ว่ารัฐมนตรีจะมาจากพลเรือน หรือทหาร เขาทำงานกันอย่างเต็มที่ หลายกระทรวงมีการบริหารที่ผิดเพี้ยน ผมจึงต้องเอาทหารเข้าไปเพื่อจัดระเบียบสร้างความเข้มแข็ง สร้างกระบวนการทำงานใหม่ ความจริงข้าราชการทุกคนอยากทำงานทั้งสิ้น วันนี้เขาก็บอกแล้วว่าดีใจที่ได้ทำงาน ในหน้าที่และความสามารถที่มีอย่างแท้จริง โดยไม่มีอำนาจอื่นมาทับซ้อน ผมสั่งแต่ภารกิจไม่ได้สั่งให้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับผม หรือรัฐบาล นี่คือความแต่กต่างของรัฐบาลทหารที่ร่วมกับพลเรือนในเวลานี้ ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนในทุก ๆ เรื่อง มันพันกันไปหมด ผมก็ไม่ค่อยสบายใจ แล้วไม่ต้องไปเชียร์คนนี้ แล้วต่อว่าคนนั้น สามคนดี ที่เหลือไม่ดี ผมไม่สนใจ ผมไม่ได้ทำงานตามกองเชียร์ของท่าน แล้วไอ้คนที่ถูกเชียร์ก็อาจจะผิดพลาดอีก สังคมก็จับตากลายเป็นเรื่องการแบ่งพรรคแบ่งพวก ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งพวก พอผมจะปรับก็หาว่าปัดความรับผิดชอบ ไปโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่มี ผมอยู่ตรงนี้ เป็นคนพิจารณาเองว่าควรจะแบ่งเบาอย่างไร แยกแยะตรงไหน ได้ปรึกษาหารือกันก็ไม่เห็นมีใครขัดข้อง ผมถึงได้สั่ง ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ผมไม่ได้ถามอะไรใคร แล้วสั่งบ้า ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวความขัดแย้งกันระหว่างพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีใคร ไม่ต้องมาเอ่ยชื่อใครทั้งนั้น ผมไม่สนใจ ไม่ต้องมาเอ่ยชื่อ ไม่ตอบ จะชื่อใครก็ไม่ตอบ ผมยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนยังอยู่ที่เดิมทั้งหมด ยังไม่มีการตั้งรัฐมนตรีช่วย จบไม่เหตุผลทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของผม"

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไปดูว่างานมีมากขนาดไหน ไปเอาสิ่งที่สำเร็จออกมาพูดบ้าง ถ้าเอาแต่สิ่งที่ไม่สำเร็จ สิ่งที่ขัดแย้งมาพูดมันก็อยู่อย่างนี้ แล้วก็มากล่าวหาตนว่ามันไม่ปรองดอง ทุกคนหาว่าตนไม่ปรองดองอะไรเลย แล้วมันจะปรองดองได้อย่างไรในเมื่อทุกคนยังปลุกเร้าอยู่แบบนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดจากตน ที่ผ่านมาตนพยายามทำอย่างเต็มที่ เรื่องกฎหมายก็เสนอเข้ามาซิ เป็นเรื่องของการปรองดองก่อนเพื่อน หลายคนก็ต้องปรับปรุงตัวเอง เตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง เสนอนโยบายที่เป็นประโยขน์เพื่อประชาชน จะได้มาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนทำในวันนี้ อย่ามาตำหนิอย่างเดียว ถ้ากลุ่มคนอีกฝ่ายระบุว่าตนไม่แก้ปัญหาก็ถามกลับไปด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านั้นแก้ปัญหาอย่างไร ที่ผ่านมาได้แก้อย่างที่ตนแก้หรือไม่ ต้องยอมรับว่าปัญหาที่ผ่านไม่หนักเท่านี้ กี่ปีมาแล้ว และมาหนักขึ้นในสมัยที่ตนเข้ามา ซึ่งตนก็ต้องมาแกะ มาแก้ ในทุก ๆ เรื่อง ขอให้เข้าใจด้วย อย่ามาติติงกันทุกเรื่อง ถามว่าปัญหาเกิดตั้งแต่เมื่อไร โครงสร้างผิดเพี้ยนกันมานานแค่ไหน พอปรับแก้ก็หาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรกัน รัฐบาลพยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับคนทุกระดับโดยต้องไม่ผิดกฎหมาย และการใช้งบประมาณ ไม่มีใครเคยทำแบบนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายอย่างที่ตนทำอยู่ในขณะนี้ ขอให้แยกแยะดูว่าการที่ตนทำหลาย ๆ เรื่องแบบนี้มันอาจจะมีข้อขัดแย้งอยู่บ้าง โดยเฉพาะนักการเมืองตนก็ไม่ได้ไปทะเลาะกับท่าน เพียงแต่ตนขอร้องให้กลับเข้าสู่สิ่งที่ตนพูด มันจะผิดจะถูกก็มาคุยกัน ตนไม่เคยมาละลาบละล้วง เพราะอย่างไรท่านก็ต้องบริหารประเทศต่อไปในวันหน้า อย่ามาทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง รัฐธรรมนูญ กฎหมาย แล้วอย่างอื่นไม่สนใจกันเลย สนใจแต่เรื่องเหล่านี้ ซึ่งมันไร้สาระในตอนนี้ ถึงเวลาจะไปตีอะไรก็ไปว่ากันตรงโน้น ตนไม่อยากให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้น วันนี้ยังขนาดนี้แล้ววันหน้ามันจะเชื่อมั่นได้ไหม ประชาชนจะเชื่อมั่นได้ไหม การเลือกตั้งก็ต้องจัด ถ้าจัดไม่ได้จะทำอย่างไร คิดแบบตนคิดสิ เข้าใจไหม ไม่ใช่มองแต่ตนจะอยู่ต่อ ต้องการให้มีปัญหา ต้องการโน่นนั่น ตนไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยตั้งแต่ก่อนเข้ามา ตนก็ไม่คิดจะเข้ามาอีก ทหารทุกคนก็ไม่อยากเข้ามา เพราเข้ามาก็ต้องโดนแบบตนโดน นักการเมืองใหม่ก็ไม่อยากเข้ามา สิ่งที่เขาตั้งใจทำก็เข้าใจกันผิดไป ก็ต้องรับให้ได้ ตอนแรกตนก็รับไม่ได้ ตอนนี้ตนก็เริ่มรับได้แล้ว ตนก็ต้องทนเพื่อประโยชน์ของประเทศที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ตนก็ต้องทนให้ได้