ชมคลิป!! เรื่องราวพระอารมณ์ขันของในหลวง ร.9 ขณะที่พระองค์ท่านทรงกล่าวพระบรมราโชวาท ทำให้ผู้ฟังยิ้มไปตามๆกัน (คลิป)

หนึ่งในสมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com ที่ใช้ชื่อว่า ผึ้งน้อยพเนจร ได้เผยแพร่เรื่องราวของ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร" โดยเป็นเรื่

ชมคลิป!! เรื่องราวพระอารมณ์ขันของในหลวง ร.9 ขณะที่พระองค์ท่านทรงกล่าวพระบรมราโชวาท ทำให้ผู้ฟังยิ้มไปตามๆกัน (คลิป)

เราคนไทยมักชินตากับภาพ "พ่อ" ทรงงานหนักเพื่อช่วยเหลือประชาชน คุ้นเคยกับคำสอนอันดีงามของพ่อหลวง ที่เรานำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริงตลอดไป ไม่มีตกสมัย
แต่เราคนไทยไม่เคยทราบว่า ในหลวงทรงมี "พระอารมณ์ขัน" อย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเวลาพระองค์ท่านทรงกล่าวพระบรมราโชวาทตามที่ต่างๆ  หรือทรงสอนงาน
พระองค์ท่านจะทรงแทรกอารมณ์ขันอยู่เสมอๆเนืองๆ ทำให้ผู้ฟังยิ้มหรือหัวเราะได้  ไม่เครียด และอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงถึงพระอารมณ์ขันของพระองค์ท่าน และคนไทยจะได้จดจำภาพอันงดงามอีกด้านของพระองค์ท่านไว้ สถิตย์ในใจคนไทยทุกคน

 พระองค์ทรงเล่าเรื่อง "เป็นไข้หวัด" และที่มาของการทรง "ติดหวัด" ว่าต้นเหตุมาจากใคร 4 ธ.ค. 2527

0.44 
ทรงตรัสเล่าว่าไปอยู่สกลนคร "อยู่เย็นเป็นสุขพอสมควร แม้ว่าอากาศจะไม่เย็นนัก  มีคนจากกรุงเทพนำไข้หวัดมาให้  คือ..เป็นการผันสู่ชนบท"

1.55 
ทรงเล่าเรื่องการพระราชทานของ (แจกของ) ให้พลร่ม ซึ่งจำนวนมี 130 คน  แต่....  "แจกไปแจกไป.. (ทรงทำพระราชอิริยาบถตามด้วย)...ถึง 300 คนแล้วยังไม่หมด.." (ผู้ฟังหัวเราะครืน)  "..อาจเพราะผู้ทำบัญชีทำไม่ถูกก็ได้  ท่านผู้อ่านบัญชีก็อ่าน..อยู่นั่นแหละ ขยับแว่นตามองทางโน้นทางนี้ (ทรงทำท่าด้วย)... อ่าน อ่าน อ่าน อ่านไป ยังไม่หมดซะที! ก็อ่านอ่านอ่านซ้ำ..ไม่หมดซะที.."  ในหลวงจึงตรัสถามคนที่มารับพระราชทานคนหนึ่งว่าที่มารับนี่เป็นพลร่มหรือเปล่า  ได้คำเฉลยว่าเปล่า แต่ตัวเขา 'เคยเป็น' พลร่ม   ในหลวงจึงทรงเล่าต่อว่านายอดีตพลร่มบอกว่า "ก็เลยบอกว่า..เอ๋อ..อะไร.. ในที่นี้ไม่มีพลร่มหรอก มีข้าพเจ้าคนเดียว"   ฮากันทั้งท้องพระโรงเลยครับ

4.44  เนื่องจากพระองค์ทรงเล่าตั้งแต่ต้นว่าพระองค์ท่านทรงเป็นหวัด จึงไม่ได้ทรงเตรียมมาที่จะพูด เพราะ "หัวมันตื้อ ไม่รู้เรื่อง" ขอให้ผู้ฟังให้อภัย  ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทรงให้ศีลให้พรคณะผู้เข้าเฝ้า  จึงตรัสว่า  "แต่ว่าตอนนี้..จะขอตีกิน คือว่าไม่ให้ศีลให้พร ไปดูในหนังสือ"

6.00 ในนาทีที่ 4.00 พระองค์ทรงเปรียบเทียบพระบรมราโชวาทของพระองค์กับ "การร่อน" คือหาที่ลงได้สวยหรือไม่สวยมาก่อนแล้ว  ในนาทีที่ 6 จึงทรง "ล้อเลียน" พระองค์เองอีกครั้งว่าจะหาที่ลงอย่างไร   "ตอนนี้ร่อนไม่ลงนะ  (ผู้ฟังฮา).. แต่ความจริงก็ร่อนลงมานานแล้ว.. (ผู้ฟังฮาอีกรอบ) ...อยากจะหยุดเมื่อไหร่ก็..ลุกขึ้น..ไปเลย  เพราะบอกแล้วว่าจะไม่ให้ศีลให้พรตอนท้าย"

ช่วง 4 ธันวาคม 2546  (21 ปีต่อมา)
6.19  "การปกครองสมัยนี้แปลกดี กลับไปเหมือนอย่างเก่า  ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือข้าพเจ้าเอง  เดือดร้อน(เพราะ)ท่านรองนายกมาบอกว่า..." (ทรงชี้ไปที่พลเอกชวลิต-บิ๊กจิ๋ว) แล้วทรงชี้ที่พระองค์เอง "..ทรงเป็นซูเปอร์ซีอีโอ  ลงท้ายเราก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ประชาชนทั้งประเทศก็โยนให้พระเจ้าอยู่หัวรับผิดชอบหมด ...ผิดรัฐธรรมนูญนะนี่"  (ท้องพระโรงหัวเราะไปตามๆกัน) "ก็รัฐธรรมนูญบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย.." (ท้องพระโรงขำต่อเนื่อง)