"ผู้เชี่ยวชาญข้าวไทย" ชี้ต้นตอปัญหา "ข้าวราคาตก" เปรยชาวนาขายข้าวเองใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้!!!

"ผู้เชี่ยวชาญข้าวไทย" ชี้ต้นตอปัญหา "ข้าวราคาตก" เปรยชาวนาขายข้าวเองใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้!!!

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2559 ดร. วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ถึงกรณีการแก้ปัญหาข้าวไทย ในช่วงราคาข้าวตกต่ำ และวิธีการแก้ปัญหา ว่า
สถานการณ์ข้าวในไทยขณะนี้แยกได้เป็นสองส่วนคือ 1. ผลผลิตข้าวที่จะออกมาจำนวนมากทั้งจากการชะลอทำข้าวนาปรังในช่วงต้นปี รวมกับข้าวนาปีที่กำลังจะออก 2. ปัญหาสต็อกข้าวที่ยังเหลือค้างอีก 9 ล้านตัน แม้จะเป็นข้าวด้อยคุณภาพ แต่ยังมีโอกาสระบายออกดังนั้นจึงจะมีผลต่อราคาข้าวเช่นกัน

 ขายข้าวด้วยตัวเอง - ทางรอด?
ดร. วิโรจน์ ระบุถึงกระแสที่มีชาวนา กลุ่มเกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ ออกมารณรงค์ให้ขายข้าวด้วยตัวเอง ว่าวิธีนี้อาจทำให้เกษตรกรบางกลุ่มทำกำไรจากการขายข้าวในราคาที่ดีขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทางออกของประเทศ เพราะข้าวส่วนใหญ่ยังต้องส่งออก นอกจากนี้ ข้าวของชาวนาที่ไม่ได้สีจากโรงสีคุณภาพสูงจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าวจากบริษัทใหญ่ได้ ดังนั้นกิจกรรมซื้อขายแบบนี้คงทำได้เพียงในวงจำกัด หากสามารถหาตลาดเครือข่ายของตัวเองได้ และถ้ามีการกลุ่มลักษณะนี้จำนวนมาก ก็น่าเป็นห่วงชาวนาจำนวนหนึ่งที่อาจจะยิ่งขาดทุนมากขึ้น
“ถึงแม้ว่าจะมีผู้บริโภคอยากจะซื้อ ช่วยเหลือชาวนา แต่อย่าลืมว่าเรากินข้าวปีละ 104 กก. ต่อคน หรือประมาณ 8.5 กก. ต่อเดือน ในจำนวนนี้รวมข้าวที่กินนอกบ้านจำนวนมากด้วย ในช่วงแรกอาจจะขายกันได้เยอะ พอคนเริ่มซื้อเข้าบ้านมามาก ๆ ก็จะชะลอหรือหยุดซื้อ นอกจากนี้ข้าวเหล่านี้อาจขายแข่งกับข้าวที่ขายในตลาดได้ยากเพราะคุณภาพคงจะแย่กว่าที่ข้าวถุงเคยซื้อกัน”

 

ดร. วิโรจน์ กล่าวว่า ในระยะยาวการปลูกข้าวไม่ใช่อาชีพที่เหมาะสำหรับทุกคน ถึงแม้ว่าไทยได้ชื่อว่าเป็น “ชามข้าวของเอเชีย (Rice Bowl of Asia)” มาเนิ่นนาน แต่ผลผลิตที่ออกมามากขึ้นกว่าในอดีตถึง 10 เท่า จึงมาถึงวันที่ข้าวของไทยไม่สามารถที่จะเพิ่มการผลิตมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงต้องมีชาวนาจำนวนหนึ่งจาก 10 กว่าล้านคน เลิกอาชีพปลูกข้าว ซึ่งตลอด 50 ปีที่ผ่านมาก็มีชาวนาบางส่วนที่ทำเช่นนั้นแล้ว
สำหรับวิธีแก้ปัญหาข้าวในระยะเร่งด่วนที่รัฐทำได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุดคือการอุดหนุน และการดึงข้าวต้นฤดูไม่ให้ออกสู่ตลาดมากนัก ก็คือโครงการจำนำจ้าวในยุ้งฉางสำหรับข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว
ดร. วิโรจน์ ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลทำได้เสมอคือเอาเงินไปให้ชาวนา อีกวิธีหนึ่งก็คือสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คือการพยายามชักจูงให้ชาวนาชะลอการขายด้วยโครงการรับจำนำ แต่วิธีการเช่นนี้นอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาวแล้ว ก็ไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าจะสามารถช่วยดึงราคาข้าวในตลาดขึ้นมาได้หรือไม่

ภาพ กรุงเทพธุรกิจ ,  BBC

ข้อมูล BBC

เรียบเรียง ภัทราพร วโรภาสพิมาน สำนักข่าวทีนิวส์