หลักฐานมันชัดอยู่แล้ว!!! "ทนายสงกานต์" ออกโรง "น้อต กราบรถกรู" ผิดนี้ถึงคดีอาญา ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

.. ผู้กระทำความผิดนี้จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา จนกว่าคดีจะถึงที่สุดและต้องถูกดำเนินคดีทาง แพ่งในการทำละเมิดต่อเรารวมทั้งจะต้องชด ใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนให้กับเรา ตามกฏหมายด้วย!!!

.. แจ้ง"บอย"หรือประชาชนทั่วไปหากถูกกระทำ ก็ให้รีบรวบรวมพยานเอกสารและหลักฐานเช่น ภาพถ่ายใบหน้า,ภาพบาดแผล,ภาพสถานที่เกิด เหตุ, ภาพถ่ายรถจักรยานยนต์ของเรา,ภาพถ่าย รถยนต์คู่กรณี,ใบขับขี่รถจักรยาน ยนต์ของเรา, สำเนากรมธรรม์ประกันภัย(ถ้ามี )และพยาน บุคคลซึ่งเป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ

....เชื่อว่าพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆ นั้นจะมาเป็นพยานให้กับเราด้วยความยินดี และสมัครใจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม!!!

.. การแจ้งความร้องทุกข์นั้นต้องเป็นการแจ้ง ความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพื่อให้ได้รับโทษ ทางอาญาเท่านั้นและพนักงานสอบสวนต้อง ไปลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี มิใช่ลงบันทึก ประจำวันไว้เป็นหลักฐานขอย้ำโดยให้ดูสำเนา บันทึกประจำวันว่าเป็นเช่นไร?!!!

.. คำว่า"ผู้เสียหาย"นั้น ต้องเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา .. มาตรา 2 (4) คือต้องเป็นผู้เสียหายทั้ง พฤตินัย และนิตินัยตามกฏหมายเท่านั้น!!!!

...คดีของ"บอย"ผู้ถูกชกสมมติว่าหากมีการ กล่าวหาว่า"บอย"กระทำความผิดนั้นคงเป็น เรื่องความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯและ อื่นๆซึ่งจักต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตาม กระบวนการทางกฎหมาย เช่น นำรถยนต์และ รถจักรยานยนต์ทั้งสองฝ่ายส่งตรวจร่องรอย การเฉี่ยวชนของกองพิสูจน์หลักฐานตามหลัก วิธีการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!!!

...แต่คดีของ"ผู้ชกบอย"อาจต้องถูกดำเนินคดี อาญาในความผิดหลายฐาน เช่น ทำร้ายร่าง กายผู้อื่นอันเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสฯ (ดั้งจมูกหัก),ข่มขืนใจผู้อื่นฯและกักขังหน่วง เหนี่ยวฯ,ดูหมิ่นซึ่งหน้า และหมิ่นประมาทฯ!!!

.. การดำเนินคดีอาญามีด้วยกัน 2 ทางคือ

1. แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาโดยมอบคดีให้กับ พนักงามสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจน ถึงที่สุด(ตำรวจสรุปสำนวนทำความเห็นส่ง สำนวนให้อัยการและอัยการนำตัวผู้ต้องหา ฟ้องต่อศาล)

2.ตั้งทนายความให้ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา กับผู้ต้องหาโดยตรงในเขตอำนาจศาลท้องที่ มูลคดีเกิดขึ้น(ทนายยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาล ยุติธรรมโดยตรง!!!!