- 18 พ.ย. 2559
นางสาวนิตยา นวลขวัญ ออกมาวิงวอนผ่านสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับน้องชายที่เสียชีวิตไป จากกรณีเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2559 เวลา16.00 น. ได้มีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน (มีคลิปวงจรปิด) โดยได้มีรถกระบะสีดำ
นางสาวนิตยา นวลขวัญ ออกมาวิงวอนผ่านสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับน้องชายที่เสียชีวิตไป จากกรณีเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2559 เวลา16.00 น. ได้มีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน (มีคลิปวงจรปิด) โดยได้มีรถกระบะสีดำไม่ทราบทะเบียน เลี้ยวขวาตัดหน้ารถมอเตอร์ไซด์กะทันหัน เพื่อจะเข้าซอยตรงบริเวณแยกจุดตัดถนนพัฒนาชนบท 3 บนถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ด้านขาออก เป็นเหตุให้นายสมคิด นวลขวัญ (น้องชาย) ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA CBR150R สีดำ ที่กำลังวิ่งทางตรงมาชนเข้าอย่างจัง จนเป็นเหตุให้นายสมคิด เสียชีวิตในทันที จากนั้นรถคู่กรณีได้ขับรถหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความไว้กับ สน.ลาดกระบัง ในช่วงเดือนแรกหลังจากเกิดเหตุ ประมาณวันที่ 30 ก.ย.59 ทางดิฉันได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับแจ้งว่ายังไม่ได้ตัวคู่กรณีผู้ก่อเหตุ ทางดิฉันและญาติเลยออกหากล้องวงจรปิดเส้นทางที่คู่กรณีหลบหนีกันเอง จนได้พบว่ามีกล้องวงจรปิดหลายจุดที่รถคู่กรณีหลบหนี จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับมาว่าจะเรียกช่างมาทำให้แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายจุดละ1000 บาทดิฉันจึงไม่ยอมจ่าย
จากนั้นทางดิฉันและญาติได้หาภาพจากกล้องวงจรปิดกันเองจนกระทั้งได้ภาพมา จึงนำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับบอกว่ามองเห็นทะเบียนไม่ชัด ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้ยินแบบนี้ทำให้ดิฉัน และญาติๆ ที่ได้รับฟังยิ่งเป็นทุกข์และเสียใจ จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร
ต่อมาอีกระยะหนึ่ง ทางญาติอีกฝ่ายนึงได้แนะนำให้รู้จักกับนายทหารท่านหนึ่ง ซึ่งญาติอ้างว่าน่าจะพอช่วยเหลือ พูดคุย และติดตามคดีนี้ได้ จึงได้นัดพบและพูดคุยกับนายทหารท่านนั้นโดยนายทหารท่านนั้นรับปากว่าจะช่วยเรื่องคดี จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงนายทหารท่านนั้นได้แจ้งข่าวมาว่า ได้โทรไปพูดคุยและเข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.ลาดกระบังให้แล้ว ทางญาติต้องเสียค่าใช้จ่าย 30,000 บาท ในการติดตามตัวคู่กรณี และพอได้ตัวคู่กรณีแล้วเราจะต้องหาทนายสู้ความ หากคดีสิ้นสุดเมื่อไหร่ จะต้องจ่ายเงิน 50% ของค่า พรบ.ประกันรถที่ได้ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดกระบัง เพิ่มอีกด้วย
สุดท้ายระยะเวลาผ่านไปจะครบ 2 เดือน ดิฉันเองและญาติต้องหยุดงานเพื่อติดตามหาความคืบหน้า และหาหลักฐานทางคดีเพิ่ม จนได้ข้อมูลภาพวงจรปิดที่ผู้ก่อเหตุจอดรถหนี และชื่อ-ที่อยู่ ขอรถคู่กรณีทั้งหมด และได้นำไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง
โดยหลักฐานที่ตำรวจได้ไปทั้งหมดดิฉันและญาติเป็นคนหาให้ทั้งสิ้น จึงอยากรู้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลาดกระบัง ต้องปล่อยให้ผู้เสียหายหาหลักฐานมาเอง ถึงจะทำดคีให้ และดิฉันต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่สมควรเสีย จึงอยากให้ทาง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบเรื่องนี้หน่อย เพราะดิฉันมีข้อมูลเด็ดว่า ที่ทำให้เชื่อได้ว่าตำรวจสน.นี้อาจช่วยผู้ต้องหา
เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์