ไม่ใช่เรื่อง !!!  "พล.อ.ประวิตร" ชัดเจนตอบเรื่อง "เบส" ...งานนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวว่ากองทัพเป็นคนว่าจ้างเบสท์ ไปพูดจนกลายเป็นประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ว่า คุณรู้ได้ไง ใครบอก เค้าบอกเหร

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวว่ากองทัพเป็นคนว่าจ้างเบสท์ ไปพูดจนกลายเป็นประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ว่า คุณรู้ได้ไง ใครบอก เค้าบอกเหรอ ผมไม่รู้นะ ผมไม่เห็น และไม่ใช่เรื่องคสช. ผมว่าตัวคุณเบสท์เองก็เก่ง ผมก็ดูเค้าในทีวี ในเรื่องนี้เป็นการใช้งานของกองทัพหรือไม่ก็ไม่ได้มีการขออนุมัติในเรื่องเหล่านี้ จะจริงจะเท็จอย่างไรก็ยังไม่รู้ และผมไม่รู้จักตัวเค้า

 

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้สอบถามไปที่กอรมน.หรือไม่ว่ามีการว่าจ้าง พล.อ ประวิตรกล่าวตอบว่าตนไม่ได้ถามไปที่กอรมน.ยังไม่ได้ถามอะไร และผมเห็นว่าเค้าเจตนาดีกับบ้านเมือง เพราะฉะนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การจ้าง น.ส.อรพิมพ์ รักษาผล หรือเบส นักพูดชื่อดัง มาบรรยายให้กับกำลังพลกองทัพบก โดยมีอัตราค่าตอบแทนที่สูงว่า ใครเป็นวิทยากรที่เก่ง มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการต่าง ๆ ทางกองทัพก็จะเชิญมาให้ความรู้กับกำลังพลเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะ น.ส.อรพิมพ์คนเดียว ทั้งนี้ น.ส.อรพิมพ์เป็นวิทยากรที่สามารถพูดโน้มน้าวสร้างความรู้สึกที่ดี มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน โดยหน้าที่คสช.ก็ปกป้องเทิดทูนสถาบัน เพราะฉะนั้นการที่จะเชิญวิทยากรมาพูดเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

 

สำหรับประเด็นในเรื่องค่าตอบแทน ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าจะจ่ายชั่วโมงละ 300 บาท หรือ 800 บาท เพราะบางครั้งวิทยากรมาพูดก็ไม่ได้เรียกค่าตัว เพราะมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งปกติแล้วค่าจ้างเชิญวิทยากรก็จะมีเรตตามหลักการของกระทรวง ทบวง กรม เป็นการจ่ายค่าตอบแทนวิทยากรอยู่แล้ว ตามหลักการใช้งบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินจะมีเรตในการจัดประชุม การจัดสัมมนา แต่ค่าตอบแทน น.ส.อรพิมพ์ ตั้งไว้ในการบรรยายภายนอก ซึ่งเป็นภาคเอกชนก็อีกเรื่องหนึ่ง หรือตอนที่น.ส.อรพิมพ์มาบรรยายให้กองทัพบก เพราะมีความรู้สึกที่ดีกับกองทัพ บางครั้งก็ไม่เรียกร้องว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนในเรตใด

 

อย่าไปมองเรื่องค่าตัว แล้วมาจับผิดว่ากองทัพบกจ่ายชั่วโมงละ 30,000 บาท เป็นเวลา 2 ชั่วโมงก็ 60,000 บาท อย่าไปมองประเด็นอย่างนั้น เรามองประเด็นว่านำวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมาบรรยายให้กับกำลังพล แสดงออกถึงความจงรักภักดี ในตอนนี้กระแสสังคมกลับกลายเป็นว่าเมื่ออธิบายไปเรื่องหนึ่ง ก็จะไปขยายบิดเบือนไปอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่ามีกลุ่มคนที่จุดกระแสเรื่องเหล่านี้ เพื่อนำไปสู่ความแตกแยก แต่หากให้มองเป็นกลางว่าวิทยากรเขาพูดเรื่องอะไร ผมว่าตรงนั้นเป็นแก่นของมันมากกว่า เพราะเขามาพูดถึงสถาบันในแง่ของความจงรักภักดี ดังนั้นผมขอให้คนไทยมีสติรับรู้ รับฟัง คิดวิเคราะห์แยกแยะ ทั้งนี้ เท่าที่ได้ติดตามในการพูด เราก็มองกลาง ๆ ว่า น.ส.อรพิมพ์ มีความจงรักภักดี แต่อาจจะพูดพาดพิงคนที่ไม่ได้จงรักภักดีที่เป็นคนส่วนน้อยบ้าง ซึ่งยังมีภาพการเคลื่อนไหวอยู่ในโลกโซเชียล ผมเข้าใจว่าเขาน่าจะหมายถึงตรงนั้นมากกว่า

สำหรับเหตุการณ์เทปบันทึกเทปการพูด ของเบส-อรพิมพ์  เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม ร่วมกับทุกภาคส่วนได้จัดโครงการสร้างการรับรู้ในพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปร มินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จ.มหาสารคาม โดยมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 จ.มหาสารคาม ทั้ง 35 โรงเรียน สถาบันการอาชีวศึกษามหาสารคาม 4 สถาบัน รวมกว่า 3,000 คน ร่วมรับฟัง

 

เบส-อรพิมพ์ ได้ขึ้นพูดในหัวข้อ "อยู่อย่างไทยหัวใจจงรักภักดี" ใช้ระยะเวลาในการพูดประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งผู้ฟังส่วนใหญ่เป็นนักเรียน เนื้อหาการบรรยายพูดพระราชกรณียกิจในอดีตของ พระบาทสมเด็จพระปร มินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มุ่งสร้างความเจริญและความสุขมาสู่พี่น้องชาวอีสาน สร้างการรับรู้ให้กับเยาวชนได้เข้าใจ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาเยาวชน ที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศชาติในอนาคต

 

 

 

 

เรียบเรียบโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์