พระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ !!! "พระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณฯ"  เมื่อครั้งเสด็จทรงงานพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (มีคลิป)

อีกหนึ่งพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เสด็จมาทรงงานในพื้นที่จังห

 

อีกหนึ่งพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เสด็จมาทรงงานในพื้นที่จังหวัดยะลา

หากย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2549 มีราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บ้านสันติ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา และบ้านสันติ 2 หมู่ที่ 6 ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา จำนวน 74 ครอบครัว รวม 134 คน ซึ่งได้อพยพไปอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ

 

ในวันที่ 19 มีนาคม 2550 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้แม่ทัพภาคที่ 4, ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาในขณะนั้น พร้อมคณะเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมกันพิจารณาหาทางช่วยเหลือราษฎรกลุ่มดังกล่าว

 

ต่อมาในวันที่ 27 สิงหาคม 2550 ได้โปรดเกล้าฯ ให้แม่ทัพภาคที่ 4, ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาพร้อมคณะเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เพื่อถวายรายงานผลการช่วยเหลือราษฎรดังกล่าว โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการเพื่อชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็นบ้านสันติ 2 ตามพระราชดำริ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระนามเดิม)” ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านสันติ 2 หมู่ที่ 6 ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา

โดยพระราชทานวัตถุประสงค์ของโครงการรวม 4 ประการ คือ

1. ความปลอดภัย และมั่นคงในชีวิต

2. ครอบครัวอบอุ่น คุณภาพชีวิตที่สดใส และสมบูรณ์

3. ทำมาหากิน และมีที่ทำกินที่ดี มีกิจกรรมเสริมอาชีพที่เหมาะสม

4. ได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพอนามัย และการศึกษาของเยาวชน และลูกหลานที่เหมาะสม

 

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ และสายพระเนตรอันยาวไกลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้โครงการเพื่อชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็นบ้านสันติ 2 สำเร็จลุล่วงตามพระราชประสงค์ ราษฎรในพื้นที่มีความรัก ความสามัคคี มีความสุขและร่มเย็น ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 ราษฎรหมู่บ้านสันติ 2 จำนวน 128 คน ได้กล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ ในพิธีนำราษฎรเข้าอยู่อาศัย และส่งมอบบ้าน ณ หมู่บ้านโครงการฯ ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต ว่า “จะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดี และเสริมสร้างความสมานฉันท์” เพื่อให้หมู่บ้านสันติ 2 เป็นต้นแบบ “หมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็น” ตลอดไป

 

นอกจากนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528

 

ซึ่งพระองค์ ทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธานในการสาธิตในการทำปุ๋ยหมักและหว่านข้าวที่จังหวัดสุพรรณบุรี  รวม  ๓  ครั้ง

ซึ่งครั้งหนึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังแปลงนาเกษตร ซึ่งพระองค์ทรงหว่านข้าวดำนาด้วยพระองค์เองท่ามกลางดินโคลนดำเปื้อน เป็นภาพที่ทำให้พสกนิกรไทยรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างยิ่ง

 

ด้านการศึกษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปลูกต้นปาริชาต ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลชิ่อว่า โรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ โดยในระยะแรกได้จัดการเรียนการสอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์

 

นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกลคมนาคมไม่สะดวก กระทรวงศึกษาธิการได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการน้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจำนวน 6 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่

 

(1) โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1)

(2) โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อ.ลานกระลือ จ.กำแพงเพชร (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 2)

(3) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3)

(4) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อ.รัตนภูมิ จ.สงขลา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2)

(5) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3)

(6) โรงเรียนมัธยมบุษย์น้ำเพชร อ.เมือง จ.อุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1)

 

ทั้งนี้พระองค์ได้ทรงอุปการะเด็กกำพร้า คือ จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่ครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อปี พ.ศ. 2554รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีหรือจนกว่าจะมีอาชีพสามรถเลี้ยงครอบครัวได้เป็นต้น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 ด้วยพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจน ยากลำบาก แต่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2553 ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ขึ้น โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงให้นำโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนสืบต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนทุนพระราชทานฯ ในโครงการทั้งสิ้นจำนวน 8 รุ่น จังหวัดละ 2 คน ชาย 1 คนและหญิง 1 คน

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย ชนุตรา และทีมข่าวสำนักข่าวทีนิวส์