รวบแล้ว!!!..."หมอสุพัฒน์"หนีโทษประหาร ฆ่าฝังแรงงานพม่าในไร่...จนได้รับขนานนามว่าไร่ร้อยศพ!!??(มีคลิป)

รวบแล้ว!!!..."หมอสุพัฒน์"หนีโทษประหาร ฆ่าฝังแรงงานพม่าในไร่...จนได้รับขนานนามว่าไร่ร้อยศพ!!??(มีคลิป)

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ประสานตำรวจ ประเทศเมียนมา ให้เข้าจับกุม พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี ในข้อหาฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝังปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี เหตุเกิดที่ไร่ในพื้นที่ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2552
         
 

ทั้งนี้ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี ได้ติดตามสะกดรอยบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ จนพบว่าได้ใช้ช่องทางธรรมชาติฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมา เพื่อพบกับ พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ จึงติดตามไปจนพบตัว พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ และจุดที่หลบซ่อนตัว จากนั้นชุดสืบสวนได้รายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์   ให้รับทราบ ก่อนที่ ผบ.ตร. จะประสานไปยังตำรวจ ประเทศเมียนมาเข้าจับกุมตัว พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ ไว้ได้ และอยู่ระหว่างการส่งตัวกลับประเทศ ผ่านด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดอ่านคำพิพากษาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ จำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขณะนั้นยังเป็นเยาวชน ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี
โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชร บุรี และ น.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่า พบรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชาย และลูกสะใภ้ ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า 3 ปี จอดอยู่ ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี ต่อมามีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพัก ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 ราย ถูกฝังอยู่ โดย 1 ในนั้น มีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อ ตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้วพบว่าเป็น โครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวเมียนมาที่สูญหายไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัวและจับ กุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา 3 คดี คือ ค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี ต่อมาวันที่ 1 ก.พ. 58 ที่ผ่านมาศาลจังหวัดเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่นแต่ พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ไม่ได้มาศาลทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใดศาลจึงออกหมายจับและให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว 3 ล้านบาทและอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลยรวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์หรือกะลา และนายโย่ง ชาว เมียนมา คนงานในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้าเกิดเมื่อ ประมาณเดือน ก.พ. 2547  เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตัวเองจึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้าไปไว้ในไร่ แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝังโดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้
ทั้งนี้ศาลพิจารณาว่าคำให้การของนาย กะลาและนายโย่งสอดคล้องกัน นอกจากนี้ผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่ากะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลาชี้ว่าฝังศพนายอีต้ามีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับบิดาและลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกันจึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้าที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา
ศาลจึงพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ และบุตรชาย ในข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวเมียนมาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใด ๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี
         
ส่วนบุตรชายที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจ

จิรศักดิ์ สำนักข่าวทีนิวส์