อยากลองก็ออกมา!!! "พล.อ.ประยุทธ์" ส่งสัญญาณถึง "พระเมธีธรรมาจารย์" มาแล้ว (มีคลิป)

อยากลองก็ออกมา!!! "พล.อ.ประยุทธ์" ส่งสัญญาณถึง "พระเมธีธรรมมาจารย์" มาแล้ว (มีคลิป)

วันที่ 28 ธ.ค.2559 พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค "พระเมธีธรรมาจารย์-เจ้าคุณประสาร" ระบุว่า
84 สนช.เข้าชื่อเสนอแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์
จากการที่ น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า บัดนี้ สนช.ได้เข้าชื่อกันแล้วจำนวน 84 ท่าน เพื่อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ในมาตราที่ 7 ว่าด้วยการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช นั้น โดยในเรื่องนี้จะมีการประชุมกันในวันที่ 29 ธันวาคม
ในรายละเอียด โฆษกวิป สนช.อธิบายพอสรุปความได้ ดังนี้
1. ให้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ
2. เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่านมา
3. ตัดอำนาจของมหาเถรสมาคมออกไป
ในเรื่องดังกล่าว อาตมามีความเห็นแย้ง ดังนี้
1. พ.ร.บ. คณะสงฆ์ในปัจจุบัน ในมาตรา 7 เขียนไว้ว่า "พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง" ขอถาม ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สนช. โฆษกวิป สนช. และสมาชิก สนช.ที่ลงชื่อทั้ง 84 ท่าน ว่า ความหมายตามความใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ในปัจจุบันนี้ อำนาจการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชในปัจจุบันเป็นของพระองค์ท่านหรือไม่ เป็นหรือไม่เป็น ตามความหมายและเจตนารมณ์ในมาตรานี้ ท่านจะตอบว่าอย่างไร
2. เพื่อแก้ไขความขัดแย้งนั้น ถามท่านว่า ที่ผ่านมาใครขัดแย้งกับใคร ใครรูปไหนขัดแย้งกับใครในคณะสงฆ์หรือในฝ่ายบ้านเมือง ใครขัดแย้งกันในเรื่องนี้ บอกมาให้ชัดเจน ยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าพูดอะไรลอยๆ แล้วที่ทำแบบนี้มันจะลดความขัดแย้งได้จริงหรือไม่
ในข้อเท็จจริงความขัดแย้งเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชนั้นไม่เคยมีปรากฎมาก่อน ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์ไทย เพราะพระราชอำนาจนั้นเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ไม่มีใครก้าวล่วง แต่ขั้นตอนการเสนอตามกฎหมายนั้นให้เป็นของมหาเถรสมาคม (มส.) และรัฐบาล วันนี้ที่เห็นว่ามีความขัดแย้ง ก็เพราะมีกลุ่มคนบางกลุ่ม บางพวก และฝ่ายกุมอำนาจรัฐจับมือกันเข้ามาก้าวก่าย วุ่นวายในกิจการภายในของคณะสงฆ์จนทำให้เกิดมีความขัดแย้งกันขึ้น แล้วชี้มือให้สังคมเห็นว่า เป็นไงคณะสงฆ์มีความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะปมการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ฉันจะเข้าไปแก้ปัญหาให้นะ ปัญหาทั้งปวงก็จะยุติ
จึงมีการเซ็ตเรื่อง เซ็ตคน เซ็ตปัญหาทั้งหลายทั้งปวงให้เกิดขึ้นแล้วก็โยนบาปมาให้คณะสงฆ์ตัวเองก็จะเป็นอัศวินม้าขาวเข้ามาแก้ปัญหา
ส่วนในเรื่องที่ว่า เพื่อลดความขัดแย้งที่ผ่านมานั้นท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ โฆษกฯ และสมาชิก สนช.ที่ร่วมลงชื่อทั้งหลาย ท่านจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือ วันนี้ท่านทั้งหลายที่กล่าวมา ท่านจะซื่อหรือแกล้งซื่อกันแน่ เพราะวิธีที่ท่านกำลังคิดและร่วมกันทำอยู่ในขณะนี้มีแต่จะนำพาความขัดแย้งวุ่นวายสับสนมาสู่คณะสงฆ์และสังคมไทย
3. เพื่อตัดอำนาจมหาเถรสมาคมออกไป เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะ มส. ท่านก็ไม่ได้หวงอำนาจใดๆ ของท่านอยู่แล้ว ถ้าหากว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เรียบร้อย ดีงาม ถูกต้องและชอบธรรม ในเรื่องนี้จึงขอให้ถามใจของท่านเองก็แล้วกัน ถามใจตัวเองให้ดีว่าที่ท่านทำอยู่นี้ ทำเพื่ออะไร บริสุทธิ์ใจจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าท่าน สนช.จะอ้างกันแบบนี้ ในปัจจุบันนี้ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีก็มีสูงมากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหาก็ไม่เห็นมีใครเสนอให้ใช้วิธีการตัดอำนาจขั้นตอนการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีออกจากอำนาจของสภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง อย่างที่นำมาอ้างกันเลย
ท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ โฆษกฯ และท่านสมาชิก สนช.ทั้ง 84 ท่าน ถ้าท่านคิดว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แก้ปัญหาได้ตรงจุด ท่านกำลังคิดผิดอย่างมหันต์ คิดผิดจริงๆ อาตมาจึงขอเตือนท่านด้วยความปรารถนาดี แต่ถ้าท่านคิดว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจอันชอบธรรมของท่าน ท่านจะเดินหน้าในเรื่องนี้แน่นอน ถ้าเช่นนั้น อาตมา องค์กรพุทธ และพระสงฆ์ทั่วประเทศก็จะเดินหน้าในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ไม่มีทางเลือกอื่น และขอฝากเรื่องนี้ไปถึงรัฐมนตรี ออมสิน ชีวะพฤกษ์และคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลทุกท่านด้วย
#เจ้าคุณประสาร
28 ธันวาคม 2559

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ได้มีการพูดถึงพระเมธีธรรมาจารย์โดยท้าให้พระเมธีนำพระออกมาเคลื่อนไหวเลย บอกประเทศไทยเป็นของใคร ก็ออกมาดิ คำสั่งคสช.ก็มี ถ้าจับวันนี้ไม่ได้ก็จับพุ่งนี้ เพราะผิดกฎหมายผมไม่ปล่อยหรอก มายื่นคำขาดแบบนี้กับผมได้เหรอ
สืบเนื่องจากรณีที่ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ “‎เจ้าคุณประสาร” เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา แสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ผลการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า มส.ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น ขณะที่ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเวลาถัดมาว่า จะยังไม่มีการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะตามมติ มส. เพราะต้องให้คดีความจบสิ้นก่อน

นอกจากนี้ยังระบุอีกด้วยว่าองค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่ายจะรอดูท่าทีทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีร่วมกันในการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ

และเมื่อวันที่ 24 ก.ค.

พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่ากราบเรียนคณะสงฆ์ เจ้าคณะพระสังฆาธิการ พระภิกษุสามเณร ทุกรูป ทั้งที่อยู่ในประเทศ และพระธรรมทูตในต่างประเทศทั่วโลก ในนามองค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายชาวพุทธทั่วประเทศ อยากกราบเรียนให้ทราบว่า บัดนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

ไม่ปกติแน่นอน เหตุเพราะมีกลุ่มคนหลายกลุ่ม หลายพวก และหลากหลายอำนาจ มารวมตัวกันเฉพาะกิจในการทำภารกิจพิเศษเพื่อไล่ต้อนคณะสงฆ์ให้จนมุม วิธีการเริ่มจากการสร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ และสร้างเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงให้เห็นว่า พระสงฆ์และคณะสงฆ์มีแต่เรื่องเลวร้าย เลวร้ายมากจริงๆ แล้วก็ชี้โทษประจาน

จากนั้นก็โยนบาปนั้นๆ มาให้คณะสงฆ์โดยรวม แล้วประจานให้สังคมไทยมองเห็นว่าภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์ในปัจจุบัน ล้วนประสบปัญหาด้านความเสื่อมถอยมากมาย จากนั้นก็ชี้นำว่าหากภาครัฐไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ทั้งระบบแล้ว โดยหากขืนปล่อยให้มีการปกครองกันเองแบบนี้ก็มีแต่ความเน่าเฟะ และมีแต่จะนำความเสื่อมมาสู่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ดังนั้น แผนการทั้งหลายทั้งปวงของกลุ่มเหล่านี้จึงบังเกิดขึ้น เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างเรื่อง สร้างปัญหา เช่น เรื่องรถโบราณ เรื่องของ มส. เรื่อง พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นต้น

สาระสำคัญพวกเขาที่กระทำการแบบนี้ก็เพราะมองว่า พระสงฆ์ คณะสงฆ์ และชาวพุทธไม่มีพลัง ไม่มีความสามัคคีมากพอที่จะต่อต้านพวกเขาได้ โดยเฉพาะคณะสงฆ์นั้นเขามองว่าอ่อนแอมาก ถูกด่าทอประณามหยามเหยียดตั้งแต่สูงลงมาถึงล่างก็ไม่มีปากมีเสียง ยังคงนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันนี้ ผมอยากกราบเรียนพระสงฆ์ทั่วประเทศ และที่เป็นพระธรรมทูตอยู่ทั่วทุกมุมโลกว่า ได้โปรดตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้วครับ ตื่นๆๆ อย่ามัวหลับใหลอยู่เลย ประมุขสงฆ์ องค์กรสงฆ์ พระสงฆ์ คณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาถูกย่ำยีอย่างหนัก ถูกย่ำยีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เราจะนิ่งดูดายต่อไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ขอทุกรูปได้โปรดกรุณา ปฏิบัติ ดังนี้ 1.ลุกขึ้นมาสนใจศึกษาปัญหาที่กระผมพูดมานี้ให้เข้าใจลึกซึ้ง ให้เข้าใจว่านี่เป็นปัญหาโดยรวมของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ปัญหาระดับปัจเจกบุคคลอีกต่อไป 2.ลุกขึ้นมายืนเป็นพลังกันทั้งประเทศ ทั้งในประเทศและทั่วโลก เมื่อทุกรูปเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งแล้ว ให้รวมกลุ่มกันให้เข้มแข็ง มีพลังในทุกอณูส่วนที่มีพระสงฆ์ โดยให้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ทำทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ และ 3.องค์กรพุทธและภาคีเครือข่าย ขอเป็นสะพานเชื่อมโยงให้ถนนทุกสายมุ่งหน้ามาเจอกันเมื่อมีงานใหญ่ในการพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ได้โปรดรอฟังสัญญาณ

หลายรูป หลายกลุ่ม หลายองค์กร ตื่นแล้ว พวกเราจึงร่วมกันทำงานเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอยู่อย่างชนิดเหนียวแน่นไม่คลอนแคลน แต่สำหรับท่านที่ยังไม่ตื่น ยังสะลึมสะลือหรือยังหลับใหลอยู่ ได้โปรดตื่นได้แล้ว ตื่นเถิดครับ พวกเรามีภัยรอบด้าน มีภัยมากจริงๆ อนาคตของพระพุทธศาสนาจะไปได้อีกนานแค่ไหนในประเทศนี้ และถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาปกป้องพวกเรากันเองจะให้ใครมาปกป้องเรา พวกเราต้องตื่นขึ้นมาช่วยกันครับ ตื่นเถิด สามัคคีกันเถิดชาวพุทธ

 

ภัทราพร สำนักข่าวทีนิวส์