ที่สุดของชาวเลราไวย์ และชนเผ่าต่างๆอีกมากมายบนผืนแผ่นดินไทย "ในหลวงร.9" ผู้ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ถ้าหากถามว่าทำไมคนไทยถึงรักในหลวงร.9 เป็นคำถามที่คำตอบอาจไม่สามารถร้อยเรียงความคิดจากใจให้ครบถ้วนออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะพระราชจริยวัตรที่งดงาม พระราชกรณียกิจอันมากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงเป็นทั้งกษัตริย์ที่ปกครองคุ้มภัยอาณาประชาราษฎร์ พระองค์ทรงเป็นพ่อผู้ให้ทั้งความรู้ แนวคิด ต้นแบบ นอกจากโครงการต่างๆ ที่ช่วยให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้ที่ได้รับมอบถวายปริญญากิตติมศักดิ์มากเป็นสถิติโลกถึง 136 ฉบับ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของปวงชนชาวไทย
     

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทุกโครงการที่กระจายไปทั่วภูมิภาคผืนแผ่นดินไทย ล้วนแต่ทำให้ราษฎรนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ และรู้จักใช้ประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนที่มีอยู่ หลายพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำจนไม่สามารถทำการเกษตรได้ พระองค์ก็ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ พลิกฟื้นความแห้งแล้งมาเป็นแหล่งทำกินได้ พระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งมูลนิธิ 8 มูลนิธิ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นถึง 4,100 โครงการ โดยล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาน้ำเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ดิน ธรณีวิทยา การเกษตร ตลอดจนการจัดสรรที่ดิน การประกอบอาชีพ รวมถึงการอนุรักษ์ และพัฒนาป่า

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม : คิดถึงพระองค์ท่าน ในหลวงร.9 แม้วันนี้กลับสู่สวรรค์ แต่คุณูปการมากล้น เทพเจ้าในใจลูกเพียงภาพถ่ายหนึ่งใบช่วยชาวราไวย์หลายร้อยชีวิต

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงริเริ่มโครงการหลายอย่างเพื่อเป็นแนวทางให้กับประชาราษฎร์ อย่างในวังจิตรลดาของพระองค์เองก็เป็นต้นแบบเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง มีการเลี้ยงสัตว์ ทำเกษตร จนเรียกได้ว่าเป็นวังที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกก็ว่าได้ อย่างเรื่องเล่าจากในวังที่นำมาเล่าสู่กันฟังบนโลกโซเชียล เรื่องที่พระองค์ไม่เสวยปลานิล หลังทรงเลี้ยงเป็นอย่างดี จนได้ขยายแพร่พันธุ์เป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ให้ประชาชน

โดยโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆล้วนเป็นโครงการที่ช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์อย่างแท้จริง เพราะเข้าถึงแม้ในถิ่นทุรกันดาร
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อปี พ.ศ. 2512-2522 จังหวัดพะเยายังมีความขัดแย้งทางความคิด (สงครามคอมมิวนิสต์) ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยชาวไทยภูเขา โดยเกรงว่าจะถูกปลุกระดมให้หลงผิด ซึ่งในช่วงนั้นได้เกิดการสู้รบขึ้นในพื้นที่อำเภอเชียงคำ ทำให้พระองค์ทรงห่วงใยเป็นอย่างมาก ขณะนั้นพระองค์ทรงจัดหาหมู่บ้านให้กับพี่น้องชาวม้งและชาวเย้าได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งพวกเขาอยู่ในช่วงเสียขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก พระองค์ก็ได้เสด็จฯ ไปที่บ้านใหม่ร่มเย็น อำเภอเชียงคำ ในขณะนั้น ทำให้ชาวเขาได้รับกำลังใจเป็นอย่างดี และมีกำลังในการต่อสู้ชีวิตต่อไป และที่ต.แม่สลองใน อ.แม่จัน ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่ที่เป็นป่าเขาเส้นทางคมนาคมไม่สะดวกและชาวบ้านต่างไม่มีอาชีพทำกินเหมือนในปัจจุบัน แต่ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ และทรงให้การพัฒนาอาชีพด้วยการให้ปลูกกาแฟ ชา ฯลฯ โดยมีพระราชดำรัสแนะนำชาวบ้านถึงวิธีการปลูกพืชต่างๆ ทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแบบยั่งยืน ซึ่งยังมีอีกหลายชนเผ่าที่ในหลวงร.9 เดินทางไปถึงและให้ความช่วยเหลือทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม : ด้วยพระเมตตา “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย”พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงแนะวิธีแก้ราคาข้าวที่ถูกวิธี!!!

และล่าสุดที่เราจะเห็นได้ชัดถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ของพสกนิกรชาวไทยแล้ว แต่คุณูปการที่พระองค์ทรงสร้างยังนำประโยชน์ให้กับลูกหลานได้ ตราบนานเท่านาน ซึ่งล่าสุด จากกรณีของนางบุญศรี ตันติวัฒนวัลลภ กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 8324 เนื้อที่ 12 ไร่ หมู่ 2 บ้านราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ยื่นฟ้องขับไล่ นายแอ่ว หาดทรายทอง นายวรณัน หาดทรายทอง นายบัญชา หาดทรายทอง และนายนิรันดร์ หยังปาน ชาวเลราไวย์ หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ จ.ภูเก็ต รวม 4 คดี โดย ศาลจังหวัดภูเก็ต นายพีระพงษ์ เภรีฤกษ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ตได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งในการวินิจฉัยนั้นศาลได้พิจารณาในหลายประเด็น โดยเฉพาะภาพการเสด็จประพาสหมู่บ้านชาวเลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อปี 2502 ซึ่งมีภาพของต้นมะพร้าวปรากฏอยู่ด้วย ซึ่งโจทย์แจ้งว่าต้นมะพร้าวมีอายุ 10 ปี แต่จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ต้นมะพร้าวดังกล่าวมีอายุกว่า 30 ปี จึงเป็นข้อขัดแย้งและข้อพิรุธ ประกอบกับการพิจารณาของศาลพบว่า หลักฐานของโจทก์มีข้อพิรุธหลายอย่าง จึงพิจารณายกฟ้อง เพราะชาวเลเป็นผู้ถือผู้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งทางโจทก์ถือหลักฐานโฉนด โดยในการพิจารณาคดีครั้งนี้ศาลได้มองเห็นว่าวิถีชีวิตและชาติพันธุ์ของชาวเล มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมทั้งหลักฐานรูปถ่ายยังมีหลักฐานที่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งนี่ก็สามารถตอบคำถามได้ชัดเจนแล้วว่า ทำไมคนไทยถึงรักพระองค์

 

เรียบเรียง : Suya ทีนิวส์