- 17 ก.พ. 2560
ชายหนุ่มรายหนึ่ง วิ่งกระโดดใส่หน้ารถยนต์ขณะขับลงสะพาน ย่านสุวินทวงศ์ เมื่อเช้าวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา
จากเหตุการณ์ที่เเชร์กันกระหน่ำในโลกโซเชี่ยล โดย ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Thanida Phatpraphan ได้เผยเเพร่คลิป ที่มีชายคนหนึ่ง วิ่งกระโดดตัดหน้ารถยนต์ขณะลงสะพาน สุวินทวงศ์ เมื่อเช้าวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา
โดยเจ้าของเฟซบุ๊คได้กล่าวไว้ว่า ... ต้องติดกล้องไว้ป้องกันตัวเองกันนะ น่ากลัวจริงๆอยู่ๆ คนวิ่งใส่รถ ดีที่ติดกล้อง เลยเคลียร์กันได้ แต่อาการก็หนักอยู่นะ ทางลงสะพาน ถ.สุวินทวงค์เข้าทางมีนบุรี ขอบคุณเจ้าของคลิปที่ปล่อยคลิปออกมาเตือนภัย!
สำหรับในคลิปนั้น ขณะที่เจ้าของรถ ขับด้วยความเร็วปกติราวๆ 80 กม./ชม. ลงจากสะพานย่าน สุวินทวงศ์ ขาเข้า กทม. เลยเเยก ร่มเกล้า- สุวินทวงศ์ ได้มีหนุ่มรายหนึ่งที่พยายามวิ่งตัดหน้ารถคันเเรก ยาริส สีขาว ที่อยู่เลนซ้าย เเต่รถคันดังกล่าวเหยีบเบรคเอาไว้ได้ทัน จากนั้น หนุ่มคนดังกล่าวที่ถือรองเท้าเเตะได้วิ่งเลยมา กลางถนน ทำท่าจะวิ่งข้ามต่อ เเต่ก็ได้ชะงักซอยเท้ากะจังหวะมาเเต่ไกล พร้อมกระโดดเข้าไปที่ฝากระโปรงรถโตโยต้า วีออส กระเเทกจนกระจกเเตก เสมือนเป็นการกระทำเพื่อหวังที่จะเงินค่าทำขวัญ ค่าสินไหม ..... อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถ ได้มีกล้องหน้ารถ บันทึกเหตุการณ์ไว้ เเต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่เเน่ชัดกับเหตุนี้ ว่าอุบัติเหตุจริงๆ หรือ ชายคนดังกล่าวต้องการได้ค่าชดเชยทำขวัญ ???
สำหรับความคืบหน้าเบื้องต้นนั้น ทาง พ.ต.ท.ถนัด นักธรรม ผกก. สน.มีนบุรี ยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เเต่ทั้งนี้ ทางสน. มีนบุรี ไม่ได้รับเเจ้งเหตุดังกล่าว ตั้งเเต่เมื่อวานนี้
ย้อนกลับไปเมื่อ เดือนธันวาคม ปี2015 ขอยกตัวอย่างหนึ่ง ที่เป็นกรณีตัวอย่างคล้ายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา โดยแฟนเพจ ‘Shanghaiist’ เผยคลิปวิดีโอจากกล้องติดหน้ารถยนต์ ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ขณะสาวใหญ่ชาวจีนรายหนึ่ง ได้พยายามล้มตัวเองตัดหน้ารถ ทั้งๆ ที่ระยะห่างของรถ กับตัวเธอ อยู่ไกลกันมาก ทั้งนี้สาวใหญ่เเดนมังกรคนดังกล่าวก็ไม่ลดละความพยายามลุกเดินเข้ามานอนใกล้รถให้มากขึ้น บุคคลเหล่านี้เป็นมิจฉาชีพ ที่หวังจะเรียกร้องเงินชดเชยค่าทำขวัญ เเละค่ารักษาจากผู้ขับรถยนต์ จึงพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับโดนรถชน โดยหากเจ้าของรถไม่มีกล้องบันทึกไว้ คงจะตกเป็นเหยื่อเเน่นอน เเสดงให้เห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่ง ของกล้อง
ขอบคุณ
Shanghaiist
.
.
ข่าวโดย
donlawat