ด่วน!! ทีมซิโก้เฮลั่น?? ปิดฉากมหากาพย์ทีมชาติไทย.."โค้ชซิโก้" ถึง ส.บอล เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่ทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อย (รายละเอียด)

ด่วน!! ทีมซิโก้เฮลั่น?? ปิดฉากมหากาพย์ทีมชาติไทย.."โค้ชซิโก้" ถึง ส.บอล เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อย (รายละเอียด)

เรียกได้ว่ากองเชียร์ที่ใจจดใจจ่อรอคอยมาอย่างนานแสนนานก็ได้ก็ได้ฤกษ์ฉลองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ โค้ชซิโก้ เกรียติศักดิ์ เสนาเมือง สะบัดน้ำหมึกต่อสัญญาฉบับใหม่เป็นที่เรียบร้อยซึ่งต้องบอกว่าเป็นเส้นตายที่สมาคมวางเอาไว้พอดิบพอดี

ด่วน!! ทีมซิโก้เฮลั่น?? ปิดฉากมหากาพย์ทีมชาติไทย.."โค้ชซิโก้" ถึง ส.บอล เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่ทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อย (รายละเอียด)

โดยเราจะพามาดูประวัติในวงการฟุตบอลไทยที่เรียกได้ว่าโชกโชนเป็นอย่างมาก ซิโก้เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีเป็นบุตรคนสุดท้องจากทั้งหมดสามคน ของสุริยา (บิดา) และริสม (มารดา) มีพี่สาวสองคนแต่ภายหลังราวปี พ.ศ. 2525 เขาตามบิดามารดาย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิมที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น

ซิโก้เริ่มศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองแดง อำเภอกุมภวาปี จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นจึงย้ายมาศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จึงย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร ในระดับอนุปริญญา สาขาการบัญชี ที่โรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพ และจบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการกีฬา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

ชีวิตส่วนตัว ซิโก้สมรสกับอัสราภา (สกุลเดิม: วุฒิเวทย์) เมื่อปี พ.ศ. 2545 มีบุตรสาวทั้งหมด 3 คน คือ อธิชา, มุกตาภา และกฤตยา

โดยซิโก้นั้นซิโก้เริ่มแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ก็ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 24 และตามด้วยการแข่งขันฟุตบอลเมอร์ไลออนคัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ เขายิงประตูแรกได้ ขณะเล่นร่วมกับ ทีมชาติไทยชุดบี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ซึ่งทำให้ชนะทีมชาติโปแลนด์ 1 ประตูต่อ 0 และประตูสุดท้าย ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยเป็นประตูที่ 100 ของเขากับทีมชาติไทย (หากนับเฉพาะนัดที่พบกับทีมชาติ จะอยู่ที่ 85 ประตู) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ขณะแข่งขันคิงส์คัพครั้งที่ 37 ซึ่งชนะสิงคโปร์ 2 ประตูต่อ 0

นอกจากนี้ ซิโก้ยังอยู่ในทีมชาติไทย ชุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17, 18 และ 19 และชุดที่เป็นอันดับ 4 การแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาเอเชียนเกมส์สองสมัยติดต่อกันคือ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2541 ซึ่งซิโก้ยิงประตูขึ้นนำทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนที่ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล จะทำประตูโกลเดนโกลให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2545 และสามารถทำแฮตทริก ขณะเล่นให้ทีมชาติไทยมาแล้ว 4 ครั้งคือ ฟุตบอลชายซีเกมส์ครั้งที่ 20 นัดทีมชาติไทยชนะฟิลิปปินส์ 9 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2542, นัดกระชับมิตร ทีมชาติไทยชนะทีมชาติคูเวต 5 ประตูต่อ 4 เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2544, ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทีมชาติไทยชนะปากีสถาน 6 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 และ ไทเกอร์คัพ 2002 รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก (กลุ่มบี) ทีมชาติไทยชนะทีมชาติลาว 5 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2545

อนึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) บันทึกว่าซิโก้เป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ 71 ประตู จากการลงเล่น 134 นัด ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่รับรองโดยฟีฟ่า[12] โดยนัดสุดท้ายที่ซิโก้ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่คือนัดกระชับมิตรที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดยเสมอกันที่ 1-1 ทั้งนี้ เมื่อซิโก้สามารถยิงประตูได้ จะแสดงความดีใจด้วยการกระโดดตีลังกา กระทั่งสื่อมวลชนสายกีฬา ตั้งฉายาให้ว่าเป็น จอมตีลังกา

ซิโก้มีชื่อติดอันดับที่ 10 ของนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดในนามทีมชาติ โดยในระหว่างปี 2535-2550 ซิโก้ติดทีมชาติ 131 นัด ยิง 70 ประตู ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยโดย "เดอะ มิเรอร์" สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ

โดยประวัติในการทำงานของโค้ชซิโก้นั้นต้องบอกว่าทำได้ดีเป็นอย่างมาก ซิโก้ก็ได้กลับไปรับหน้าที่ผู้จัดการทีม ให้กับสโมสรฮหว่างอัญซาลาย อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยอยู่ในอันดับที่ 7 ของวี-ลีก เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 เขากลับมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบีบีซียู ซึ่งร่วมแข่งขันอยู่ในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 3 สโมสรจึงสามารถเลื่อนชั้น ขึ้นไปแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก ทว่าในไทยพรีเมียร์ลีก 2555 บีบีซียูชนะเพียงนัดเดียว จากสิบนัดแรกของฤดูกาล เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ซิโก้จึงประกาศลาออก แล้วเข้ารับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอก เอฟซีในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันดับท้ายๆ ของตารางคะแนน แต่เขาสามารถพาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 10 ของลีก สโมสรจึงรอดพ้นจากการตกชั้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่งตั้งให้ซิโก้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะนำทีมชาติไทยชุดดังกล่าวลงแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมชาติจีน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน โดยทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติจีน ด้วยการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ 5 ต่อ 1 โดยในปลายปีเดียวกัน ซิโก้คุมทีมชาติไทยชุดเดียวกันคว้าเหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปยีดอของประเทศพม่า โดยในการชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยชนะอินโดนีเซีย 1 ประตูต่อ 0

ส่วนการแข่งขันฟุตบอลชาย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 17 ประจำปี พ.ศ. 2557 ที่นครอินช็อนของเกาหลีใต้ ซิโก้ใช้ผู้เล่นชุดเดิม ชนะ 5 นัดแรก เสียเพียง 3 ประตู แต่อยู่ใน 2 นัดสุดท้าย ซึ่งแพ้ทั้งหมด จึงได้อันดับ 4 ของการแข่งขันดังกล่าว และในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ซิโก้ก็คุมทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยนักเตะแกนหลักมาจากชุดเดิม เข้าแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 ของทีมชาติไทย ทั้งเป็นการกลับมาชนะเลิศรายการนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยนัดชิงชนะเลิศ สามารถเอาชนะทีมชาติมาเลเซีย ด้วยประตูรวมสองนัด 4 ประตูต่อ 3

ในปี พ.ศ. 2558 ซิโก้พาทีมชาติไทยชุดเดิมคว้ารางวัลรองชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 โดยนัดสุดท้ายเสมอเกาหลีใต้ 0 ประตูต่อ 0 โดยหลังจบเกมซิโก้ก็ออกมาขอโทษแฟนบอลไทยที่ไม่สามารถคว้าแชมป์คิงส์คัพได้ โดยบอกว่าลูกทีมสู้อย่างเต็มที่ถึงที่สุดแล้วต่อมาซิโก้ก็เรียกตัวนักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชุดใหม่ เข้าแข่งขันฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2016 รอบคัดเลือก และผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะอันดับ 2 ที่ดีที่สุด ก่อนจะมอบหมายให้ โชคทวี พรหมรัตน์ อดีตนักฟุตบอล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดนี้เป็นการชั่วคราว ซิโก้จีงไม่ได้คุมทีมชุด U-23 ที่ลงแข่งขันซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ไทยก็สามารถคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ โดยนัดสุดท้ายไทยชนะพม่า 3 ประตูต่อ 0ก่อนหน้านี้โชคทวีเคยคุมทีมชุด U-23 มาแล้วในการแข่งขันแมตช์ความทรงจำอำลา "โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม" โดยแข่งกับชุดใหญ่ของซิโก้เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งชุดใหญ่ชนะชุด U-23 4 ประตูต่อ 3 ส่วนในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซิโก้แต่งตั้ง ธีราทร บุญมาทัน จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นกัปตันทีมชุดใหญ่[25] โดยทีมอยู่ในกลุ่ม F ซึ่งปัจจุบันยังเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม มีคะแนนนำอิรักอยู่ 5 คะแนน ชนะ 4 เสมอ 1 ยังไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว และในปลายปีเดียวกัน ซิโก้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุด U-23 แทนที่ โชคทวี พรหมรัตน์ ตามเดิม และปลายปีเดียวกัน ซิโก้ก็ได้แต่งตั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ จากบีอีซี-เทโรศาสน เป็นกัปตันทีมชาติไทยชุด U-23

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2559 ซิโก้ได้คุมทีมชุด U-23 ลงแข่งขันนัดกระชับมิตรกับเยเมน ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม โดยไทยชนะไป 1 ประตูต่อ 0 จากลูกจุดโทษของ ปกรณ์ เปรมภักดิ์และคุมทีมชุดเดียวกันแข่งขันฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2016 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่ม B แต่ทำได้เพียงแค่เสมอกับซาอุดิอาระเบีย 1-1 โดยลูกยิงของไทยมาจาก ภิญโญ อินพินิจ, แพ้ญี่ปุ่น 0-4 และเสมอกับเกาหลีเหนือ 2-2 โดยลูกยิงของไทยมาจาก นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตกรอบแบ่งกลุ่มตามกฎมินิลีก โดยเป็นอันดับที่ 4 ของกลุ่ม

และในวันที่ 24 มีนาคม ปีเดียวกัน ซิโก้ได้คุมทีมชุดใหญ่ และพาทีมเสมออิรัก 2-2 ทำให้สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียได้สำเร็จด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

และซิโก้ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับทีมชาติไทยอีกครั้ง ในวันที่ 3-5 มิถุนายน ปีเดียวกัน ด้วยการพาทีมชุดเดิมคว้ารางวัลชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 จากการชนะในการดวลจุดโทษกับซีเรียด้วยสกอร์รวม 9-8 หลังจากใน 90 นาทีเสมอกัน 2-2 และชนะจอร์แดน 2-0 นับเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากครั้งล่าสุดคว้าแชมป์ในครั้งที่ 38 เมื่อปี พ.ศ. 2550

 

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม:ขีดเส้นตาย!!! "ส.บอล" ยื่นคำขาด "ซิโก้" เข้าเซ็นสัญญาภายในสิ้นเดือนนี้... หากยังดึงเกม!!เตรียมหา"กุนซือ"คนใหม่เเทนทันที