ฟังให้ชัด!?! "ดีเอสไอ" ยืนยัน "พัฒนา" เสียชีวิตก่อนกู้ชีพไปถึง .... ฝากถึงศิษย์ธรรมกาย หากรู้ว่าป่วยควรแจ้งโดยไว (รายละเอียด)

ฟังให้ชัด!?! "ดีเอสไอ" ยืนยัน "พัฒนา" เสียชีวิตก่อนกู้ชีพไปถึง .... ฝากถึงศิษย์ธรรมกาย หากรู้ว่าป่วยควรแจ้งโดยไว (รายละเอียด)

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้นำอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพมูลธิปอเต็กตึ้ง เเละมูลนิธิร่วมกตัญญู ชี้แจงขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชนในพื้นที่ควบคุมต่อสื่อมวลชน   โดยยืนยันว่า กระบวนการช่วยเหลือทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยมีขั้นตอนการแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ 1669 ซึ่งได้มีการวางแผนเตรียมการมาตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและซักซ้อมแผนมาตลอด 

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่เคลื่อนรถกู้ชีพไปจอดที่ตลาดกลางคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีนั้น ยืนยันว่าไม่มีการปฏิบัติการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่เป็นความห่วงใยจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน ในการเข้าเคลียร์พื้นที่ตลาดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงช่วงบ่าย  ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาทางด้านทีมแพทย์ 

นอกจากนี้ยัง "ฝากไปยังเตือนประชาชน ศิษย์ที่ยังอยู่ภายในวัด หากมีโรคประจำตัว ก็ควรพกยาติดตัว และบอกคนใกล้ชิดให้ทราบถึงข้อมูล รวมทั้งหากประชาชนท่านใด ที่เจ็บป่วยต้องการขอความช่วยเหลือควรแจ้งแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการและสามารถ แจ้ง 1669 ได้ทันที เพราะหากปล่อยให้เจ็บป่วยสะสมเป็นเวลานานแม้รถพยาบาลจะเข้าถึงตัวผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วแต่อาการอาจหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน"
 
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า "การเสียชีวิตของน.ส.พัฒนาเป็นการตายผิดธรรมชาติ จึงต้องทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ติดตามต่อไป"

นอกจากนี้ได้ชี้แจงกรณีความสับสนเรื่องเวลาการเสียชีวิตของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง  ที่มีการให้ข้อมูลในวันแรกที่เกิดเหตุว่าเสียชีวิตมาแล้ว 5 ชั่วโมงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เข้าไปพบศพ น.ส.พัฒนา ในห้องพักในสภาพมือและปากมีสีเขียว และได้มีการประเมินสภาพศพเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ จึงคาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4-5 ชั่วโมง แต่หลังจากประสานไปยังแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรพลิกศพ เพื่อสอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน.ส.พัฒนานั้น  ซึ่งแพทย์รายงานว่า หลังตรวจชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นแล้ว ทราบว่าน.ส.พัฒนาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนทีมแพทย์เข้าไปถึงที่เกิดเหตุเพื่อชันสูตรพลิกศพในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.

 

ฟังให้ชัด!?! "ดีเอสไอ" ยืนยัน "พัฒนา" เสียชีวิตก่อนกู้ชีพไปถึง .... ฝากถึงศิษย์ธรรมกาย หากรู้ว่าป่วยควรแจ้งโดยไว (รายละเอียด)

และในวันนี้เอง(4 มีนาคม 2560) ทีมแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย กู้ชีพรัตนเวช ออกแถลง จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 2ศพ จากการใช้กฎหมาย ม.44ปิดกั้นทางเข้า-ออกวัดพระธรรมกาย ทีมแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย กู้ชีพรัตนเวช รู้สึกสลดและเศร้าใจเป็นอย่างมาก และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ซ้ำอีก จึงได้หามาตรการป้องกันและดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม สุดความสามารถ เท่าที่สภาพการณ์ในปัจจุบันจะเอื้ออำนวยได้

ที่่ผ่านมาทางทีมแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย กู้ชีพรัตนเวช ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่เมื่อมีการใช้ม.44 ทำให้ประสิทธิภาพของการสื่อสาร การประสานงานกับหน่วยงานภายนอกลดลง จึงอยากร้องขอให้ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลโปรดเห็นใจ และปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หลักมนุษยธรรม และสิทธิของผู้ป่วย ดังข้อเรียกร้องต่อไปนี้

1.ยกเลิกม.44 และยกเลิกการปิดกั้นทางเข้า-ออกทั้งหมดของวัดพระธรรมกาย
2.ยกเลิกการตัดสัญญาณ สัญญาณอินเทอร์เน็ต และการสื่อสารทุกชนิด
3. ขอให้มีการอำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น การทำบัตรผ่านพิเศษ เพื่อลดเวลาการประสานงาน
4.ขอให้มีหน่วยพยาบาลที่เป็นกลางทางสากล มาช่วยดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นการเดินทาง โดยเฉพาะชาวบ้านในตำบลคลอง 2,3 และ 4 
5. สำหรับการดูแลด้านสุขภาพประชาชนในพื้นที่วัดพระธรรมกายขณะแพทย์และพยาบาลอาสาวัดพระธรรมกายและทีมกู้ชีพรัตนเวชมีความพร้อมทางด้านบุคลากรและเครื่องมือที่สามารถดูแลรักษาเบื้องต้นแก่พระ ภิกษุ สามเณร และสาธุชนได้ทั้งมีความคุ้นเคยทำให้ผู้ป่วยได้รับความสบายใจไว้วางใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันมือที่สามที่อาจปลอมปนเข้ามาเพราะความไม่สงบภายในวัด และลดการซ้ำซ้อนของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่หน่วยงานของรัฐทาง คณะแพทย์จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนด้านกำลังจากหน่วยงานอื่นเข้ามาภายในวัดเว้นแต่ทางคณะจะร้องขอในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
6. คณะแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย ครีมกู้ชีพรัตนเวชต้องดูแลประชาชนที่อยู่ภายในวัดกว่า 10,000 คนซึ่งบุคลากรในขณะนี้มีจำนวนเพียงพอแต่การปิดกั้นยืดเยื้อเป็นเวลานาน ทำให้บุคลากรที่อยู่ภายในวัดต้องรับภาระหนักจนเป็นความเหนื่อยล้าจึงใคร่ขอความกรุณาให้บุคลากรส่วนที่เหลือที่อยู่ภายนอกวัดที่ไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ได้สามารถเข้ามาสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งครั้งละ 10-15 ท่าน
7. ขอช่องทางการสื่อสารที่ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการประสานงานของคณะแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย ทีมกู้ชีพรัตนเวช และการติดต่อกลับ 1669 เพื่อส่งต่อผู้ป่วย
8. เนื่องจากปริมาณประชาชนจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ก็เจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรักษาภายในวัดได้แต่ปริมาณยาที่มีเริ่มไม่เพียงพอจึงขอความอนุเคราะห์ให้อำนวยความสะดวกเรื่องการจัดหาการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ตามที่คณะแพทย์พยาบาลอาสาวัดพระธรรมกาย ทีมกู้ชีพรัตนเวชเห็นว่าสำคัญและเท่าที่จำเป็น

 

 

 

....สินีนุช ทีนิวส์.....