ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

วันนี้(9 มีนาคม 2560) ทางเพจเฟสบุ๊ค Thai News Online ได้มีการโพสต์รูปภาพพระสงฆ์ของวัดพระธรรมกายนั่งสมาธิอยู่ในท่อปูนซีเมนต์ โดยมีคำบรรยายระบุว่า
ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

"พระธรรมกายจำวัดและนั่งสมาธิในท่อซีเมนต์ 
..... อ้างเป็นกิจของสงฆ์ ที่ควรพึงกระทำ ....."

 

 

ทั้งนี้จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ คือการทำให้ร่างกายมีสภาวะเหมือนก่อนจะหลับ แต่ไม่ได้หลับ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ และทำให้จิตใจสดชื่นแจ่ม ใส สมาธิยังช่วยขจัดความขัดแย้งในจิตใจ ทำให้ใจอยู่นิ่งท่ามกลางความสับสนว่าจะเอาอย่างไรดี เมื่ออยู่นิ่งแล้วจะเข้าใจสถานการณ์และเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้น ยอมรับมันด้วยความสงบและมีความสุขมากขึ้น และเป็นเหตุผลที่ทำให้แพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงนั่งสมาธิมาหลายพันปีแล้ว แพทย์ก็แนะนำให้คนไข้นั่งสมาธิเป็นประจำและสม่ำเสมอมากขึ้น เพราะการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากการสแกนคลื่นสมองพบว่า สมองจะมีระบบปิดกั้นเรื่องราวต่างๆไม่ให้เข้ามา และไม่ส่งเรื่องเข้าไปย่อยในส่วนลึกของเนื้อสมองอย่างเคย แต่ทำให้ระบบลิมบิคซึ่งเป็นส่วนควบคุมด้านอารมณ์และความจำดีขึ้น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ ลมหายใจ และการเผาผลาญในร่างกายเป็นปกติ  

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

สมาธิ ช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้มากขึ้น และยังรักษาจิตใจที่ปั่นป่วน กดดัน สมาธิสั้น วุ่นวาย ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย นอกจากนี้พลังของสมาธิยังสามารถทำให้คนรู้ตัวมากขึ้น มองเห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น สามารถพัฒนาบุคลิกภาพให้สง่างามและดูมีอำนาจมากขึ้น มองเห็นตัวเองมากขึ้น และรู้ว่าควรแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้อย่างไร เพียงแต่นั่งเงียบและทำจิตใจให้สงบเท่านั้น

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

 

 

ส่วนกิจของสงฆ์ หมายถึง สิ่งที่พระสงฆ์ควรต้องทำ เนื่องจาก บางสิ่งก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่สิ่งที่สงฆ์ควรต้องทำ เช่น การทำงานแลกเงิน, การมีอาชีพ นั้นไม่ใช่กิจของสงฆ์ การที่สงฆ์ทำกิจอันใดก็แล้วแต่ เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะ, เงินทอง นั้นก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่สิ่งที่พระสงฆ์ควรต้องทำ หรือแม้แต่กิจใดๆ อันปกติแล้วพระสงฆ์ไม่จำเป็นต้องทำอีกแล้ว และไม่มีผู้นิมนต์ให้ทำ นั่นก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เช่น ก่อนบวชเป็นพระ สงฆ์อาจเป็นพราหมณ์มาก่อน ทำพิธีกรรมเพื่อช่วยเหลือเกื้อหนุนทางโลกมาก่อน เมื่อบวชเป็นพระแล้ว หากไม่มีผู้นิมนต์ ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์อันพึงต้องทำ แม้แต่การสวดมนต์ แท้แล้วดั้งเดิมก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์มาก่อน แต่ "นิกายเถรวาท" ได้คิดค้นวิธีที่จะทำให้ชนรุ่นหลังจดจำพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ จึงใช้กุศโลบายให้พระสงฆ์สวดมนต์ นี่ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ดั้งเดิมมา (ดั้งเดิมแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้พระสงฆ์สวดมนต์ การสวดมนต์มีได้ในบางกรณี เช่น กรณีที่พระพุทธเจ้าได้รับนิมนต์จากคนผู้หนึ่ง ขอให้ช่วยบุตรชายของตน) หรือแม้แต่การเข้าร่วมใน "การสังคายนาพระไตรปิฎก" ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ดั้งเดิม แต่เป็นไปด้วยความคิดของพระมหากัสสปะ ที่ต้องการเรียบเรียงพระธรรมวินัยให้ชัดเจนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ กิจของสงฆ์แท้แล้วจึงน้อยมาก เช่น การทำหน้าที่เป็น "เนื้อนาบุญแก่โลก" แต่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก ด้วยการบิณฑบาตรยังชีพทุกวัน เป็นต้น รับทักษิณาทานจากผู้อื่นที่ให้ตนได้ แต่ไม่ใช่เรียกร้องหรือร้องขอให้เขาให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่ตน เนื่องจากการร้องขอ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่เป็นกิจของขอทาน ก็เท่านั้นเอง

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)

อนึ่ง กิจของสงฆ์มีเพียงการดำรงชีพอย่างเรียบง่ายเท่านั้น เช่น การฉัน, การจำวัด, การดูแลตัวเอง, การซักจีวร-ย้อมเย็บจีวร ฯลฯ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะพึงไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก, เรื่องของผู้อื่นใด, เรื่องวิบากกรรมของใคร ฯลฯ ยกเว้นว่าได้รับกิจนิมนต์จากผู้อื่น แล้วตนได้รับกิจนิมนต์นั้น จึงกระทำได้ นับเป็นกิจของสงฆ์ได้ (หลังจากมีผู้นิมนต์แล้ว) แม้แต่ผู้สำเร็จ "พุทธะ" ก็ตาม หากไม่มีผู้นิมนต์ให้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่ใช่กิจของพุทธะที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ จำต้องปล่อยวาง อุเบกขา อยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบกรรมของผู้ใด ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้า หลังตรัสรู้แล้วก็ทรงปล่อยวาง ไม่ได้คิดทำสิ่งใดๆ อีก จนเมื่อท้าวมหาพรหม ลงมาทูลอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม โปรดสัตว์ ท่านจึงรับไว้เป็นกิจนิมนต์ เป็นกิจของสงฆ์ และสามารถกระทำกิจนั้นได้เหมือนการรับวิบากกรรมทั่วไป แต่ในที่นี้ เป็นการรับวิบากกรรมในรูปการกระทำกิจ เท่านั้นเอง อนึ่ง "พระอรหันตสาวก" ผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ไม่มีผู้นิมนต์ให้แสดงธรรม ท่านก็จะไม่แสดงธรรม เพราะไม่ใช่กิจของท่าน ไม่ต่างอะไรกับพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งตรัสรู้แล้ว ก็ปลงตก อุเบกขา ปล่อยวาง แม้การแสดงธรรมโปรดสัตว์ ก็ทรงสิ้นอยาก สิ้นยึด ทว่า บางท่านคิดว่าตนบรรลุธรรมแล้วจึงออกโปรดสัตว์ แสดงธรรมมากมาย ก็มี ซึ่งนั่นไม่ใช่วิสัยอันแท้ของพระอรหันต์ ดังนั้น แม้แต่การเผยแพร่ธรรมะ, การสอนธรรมะ ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ หากไม่มีผู้มานิมนต์ให้แสดงธรรมแล้ว ก็ย่อมไม่ใช่กิจของสงฆ์ การสอนธรรมนั้น เป็นแต่กิจของพราหมณ์ที่ยังมีอัตตาตัวตนแห่งความเป็น "ครู" เหลืออยู่ เท่านั้นเอง

ทำไปได้ !?!? "พระ"วัดธรรมกายนั่งสมาธิใน"ท่อซีเมนต์" อ้างเป็นกิจสงฆ์ที่พึงกระทำ....สาธุ (รายละเอียด)
 

 

 

บทความโดย http://buddhaholic.blogspot.com/2013/02/blog-post_23.html

อ้างอิงข้อมูลจาก เฟสบุ๊ค Thai News Online 

เรียบเรียง ...สินีนุช ทีนิวส์...