ดีเอสไอ รุดยื่นหนังสือถึง ผอ.พศ. ขอพิจารณาเอาผิดทางพระธรรมวินัยกับ “พระไชยบูลย์” ปมถูกดำเนินคดีฟอกเงินฯ (ชมคลิป)

                เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เรื่องขอให้พิจารณาดำเนินคดีทางสงฆ์กับพระไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

                พ.ต.ท.ปกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้นำหนังสือมายื่นต่อ พ.ต.ท.พงศ์พร เรื่องขอให้พิจารณาว่า พระไชยบูลย์ สุทธิผล จะมีความผิดทางพระธรรมวินัยหรือไม่ โดยหัวข้อที่ยื่นนั้น เป็นเรื่องที่ดีเอสไอได้สอบสวนคดีพิเศษที่ 27/2559 ซึ่งทางพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องพระไชยบูลย์ สุทธิผล ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังจากนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะได้พิจารณาต่อไป

 

                ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร เปิดเผยภายหลังรับมอบหนังสือจากดีเอสไอว่า ในหนังสือที่รับมอบวันนี้ มีการกล่าวถึงพระไชยบูลย์ สุทธิผล ซึ่งถูกดำเนินคดีและมีการกล่าวหาว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนพระธรรมวินัย โดยท้ายหนังสือขอให้กราบทูลพระสังฆราชและมหาเถรสมาคมให้ดำเนินการทางพระธรรมวินัย สำหรับขั้นตอน ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ จะนำหนังสือกราบเรียนไปยังที่ประชุมมหาเถรสมาคม  เพื่อพิจารณาว่าจะมีคำสั่งการอย่างไร โดยต้องฟังพระชั้นผู้ใหญ่ก่อน เพราะอำนาจเป็นของสงฆ์ ตามหลักสงฆ์ปกครองสงฆ์ ฆราวาสจะปกครองสงฆ์ไม่ได้  อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า ไม่ควรใช้คำว่าจะต้องจับสึก เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้  โดยขั้นตอนจะเป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่  11 เรื่องเกี่ยวกับนิคหกรรม คล้ายกับการดำเนินทางวินัยสงฆ์ และกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำตารางไว้แล้ว สื่อมวลชนสามารถรับชมในวันพรุ่งนี้ได้

 

          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทางวัดพระธรรมกายแถลงจุดยืนขอให้ตั้งคณะสงฆ์มาร่วมพิจารณาคดี พ.ต.ท.พงศ์พร ตอบว่า กระบวนการดังกล่าวก็เป็นไปตามเรื่องนิคหกรรม  ซึ่งเปรียบเทียบคล้ายกับการพิจารณาฟ้องคดีอาญา สมมุติว่ามีการกล่าวหา ก็ต้องถามว่ารับหรือไม่ ถ้ารับจบ หากไม่รับก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณา คล้ายกับคดีอาญาที่มีการสืบพยานและอุทธรณ์  หลายเรื่องใช้เวลานานเป็นปีก็มี โดยสังฆาธิการ หรือพระผู้ปกครอง จะเป็นผู้พิจารณา.

 

 

เรียบเรียงโดย : กานต์พิชชา โกฏค้างพูล