- 15 มี.ค. 2560
ไม่มีหมดอายุความ !?!? ชัดเจนเลย "เลขาฯปปง." ย้ำเอง ครั้งนี้รู้กัน "คดีหุ้นชินคอร์ป" ... หากเป็นการฟอกเงิน สืบและยึดทรัพย์ย้อนหลังไปได้
เลขาฯปปง. ระบุ คดีหุ้นชินคอร์ป หากเป็นการฟอกเงินไม่มีหมดอายุความ
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงการติดตามเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และปปง. หารือถึงแนวทางตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของ ปปง. มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูลในเรื่องของการติดตามทรัพย์สินของนายทักษิณ ซึ่งตามกฎหมายการฟอกเงินถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะหากกลายเป็นคดีฟอกเงิน คดีจะไม่มีหมดอายุความ และสามารถสืบและยึดทรัพย์ย้อนหลังไปได้ ต่อให้เวลาผ่านไปแล้วหลายปีก็ตาม
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ชัยยะ ยังกล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งเพียง 8 เดือน สามารถดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ในคดีสำคัญไปมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทแล้ว และยังมีคดีใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าสูง ที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ได้อีกจำนวนมาก
โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมลับเกี่ยวกับแนวทางการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี , นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง , สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการนำข้อกฎหมายทุกอย่างมาพิจารณาอย่างละเอียด
สำหรับข้อกฎหมายที่นำมาพิจารณา เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ซึ่งเคยถือหุ้นชินคอร์ปตอนช่วงขายหุ้นให้เทมาเส็กปี 2549 รวมถึงประกาศและระเบียบต่างๆของกรมสรรพากร ซึ่งในที่สุดที่ประชุมมีความเห็นว่ายังสามารถแก้ปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีจากนายทักษิณไม่ให้ขาดอายุความก่อน 31 มี.ค.นี้ได้ โดยการใช้ช่องทางตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 และ 821 ซึ่งพบว่าจะสามารถเก็บภาษีจากนายทักษิณได้แน่นอน
ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 บัญญัติว่า “ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน" และมาตรา 821 "บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน
สินีนุช บรรเจิดธนากุล สำนักข่าวทีนิวส์