ชาตินี้หรือชาติหน้า !?!?  แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น "ธีระชัย" แจงชัดโกง "ภาษีหุ้นชินคอร์ป" ...วิธีนี้น่าจะเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (รายละเอียด)

ชาตินี้หรือชาติหน้า !?!? แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น "ธีระชัย" แจงชัดโกง "ภาษีหุ้นชินคอร์ป" ...วิธีนี้น่าจะเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (รายละเอียด)

วันที่ 18 มีนาคม 2560 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาโพสต์ภาพผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala ถึงกำหนดการปภิปรายสาธารณะแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า? ครั้งที่ 4 

ชาตินี้หรือชาติหน้า !?!?  แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น "ธีระชัย" แจงชัดโกง "ภาษีหุ้นชินคอร์ป" ...วิธีนี้น่าจะเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (รายละเอียด)

รายละเอียดในภาพคือ กำหนดการปภิปรายสาธารณะ แก้ปัญหาคอรัปปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า? ครั้งที่ 4 การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นกรณีโกงภาษีหุ้นชินคอร์ปและภาษีเชฟร่อน โดยมี

คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
คุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโลภาพ ผู้ว่าสตง.
และคุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา

โดยจัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร ในวันนี้(18 มี.ค.) เวลา 13.00น.-16.00น.

สืบเนื่องจากวันที่ 14 มีนาคม 2560 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาโพสต์ผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala ว่า

"การที่ผมกลับไปอ่านข่าวว่า กรมสรรพากรเสนอไม่ยื่นอุทธรณ์เรื่องภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปต่ออดีต รมว.คลัง (กรณ์ จาติกวณิช)

ซึ่งข่าวปรากฏดังนี้

"ทั้งนี้ ศาลภาษีอากรกลางได้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีในคดีหุ้นชินคอร์ปต่อนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร
ซึ่งหลังจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาแล้ว กรมสรรพากรในขณะนั้น ที่มีอดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายสาธิต รังคสิริ ไม่ดำเนินการยื่นอุทธรณ์
และเสนอให้ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ในสมัยนั้น และอัยการสูงสุด ลงนามในการไม่อุทธรณ์ในครั้งนี้"
ทำให้เกิดคำถามว่า การเรียกเก็บภาษีกรณีนี้ จะใช้หลักการว่า กรมสรรพากรเคยออกหมายแก่บุตรของคุณทักษิณแล้ว ถือว่าเป็นตัวแทน จึงสามารถจะเรียกเก็บได้ ตามแนวทางของ สตง. นั้น จะเป็นการแก้ปัญหาถูกวิธีหรือไม่

ผมขอแสดงความเห็นเชิงวิชาการ ดังนี้

กรณีที่บริษัทแอมเปิ้ลริชขายหุ้นให้แก่บุตรของคุณทักษิณในราคา 1 บาท ซึ่งเป็นการขายนอกตลาดหลักทรัพย์ และกรมสรรพากรประเมินให้บุตรคุณทักษิณ เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษี นั้น อาจจะเป็นการประเมินผิดคน เพราะผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษี จะเป็นผู้ขายหุ้นมากกว่า

กรณีที่กรมสรรพากรเห็นว่าผู้ขายทรัพย์สิน ตั้งราคาขายต่ำเกินไป กรมมีสิทธิที่จะประเมินให้เสียภาษีตามมูลค่าที่แท้จริง ดังนั้น การประเมินให้บุตรของคุณทักษิณเป็นผู้เสียภาษี จึงอาจจะเป็นการประเมินผิดตัว และจะต้องทำการอุทธรณ์ต่อศาล ขอเปลี่ยนไปประเมินคุณทักษิณแทน

แต่เนื่องจากกำหนดเวลาในการยื่นอุทธรณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จึงควรใช้อำนาจ คสช. มาตรา 44 ขยายเวลาในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล
วิธีนี้น่าจะเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเป็นการกำหนดมาตรฐานแนวทางที่ถูกต้องในการระบุตัวบุคคลที่ต้องประเมินอีกด้วย"

โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคา 2560 นายธีระชัย เคยได้ออกมาโพสต์ผ่านทางเฟสบุ๊คถึงกรณี สตง.จี้รัฐบาล เร่งสั่งให้กรมสรรพากรเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งระบุว่า 

" สตง.มีทางออกที่เด็ดขาดแล้วในการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยปรากฏตามข่าวว่า

"หากกรมสรรพากรเกรงว่าเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ เนื่องจากไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบก่อน สตง. ก็เห็นว่า กรมสรรพากรเคยออกหมายเรียกตรวจสอบ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร เมื่อ 3 ส.ค. 50 ซึ่งบุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนของนายทักษิณผู้มีเงินได้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่ 242-243/2555

การออกหมายเรียกตรวจสอบตัวแทนทั้งสอง จึงมีผลผูกพันกับนายทักษิณซึ่งเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 797 และ 821
มีผลเท่ากับได้มีการออกหมายเรียกตรวจสอบนายทักษิณไปแล้ว

กรมสรรพากรจึงมีอำนาจประเมินให้นายทักษิณเสียภาษี 12,000 ล้านบาท ได้ โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบอีก ซึ่งการส่งหนังสือแจ้งการประเมิน กรมสรรพากรสามารถส่งโดยวิธีปิดหนังสือดังกล่าวไว้ที่บ้าน ซึ่งนายทักษิณมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร ตามมาตรา 8 แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งมีผลทันทีตามกฎหมายเนื่องจากนายทักษิณอยู่นอกราชอาณาจักร"

ผมคิดความเห็นแบบนี้เถียงไม่ได้แล้วนะครับ "