จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ .... (รายละเอียด)

วันนี้(21 มีนาคม 2560)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เบิกตัว นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มาที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก 

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

โดย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อกล่าวหากรณีฉ้อโกงและยักยอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น โดยที่ผ่านมาสำนักข่าวทีนิวส์ก็ได้นำเสนอมาโยตลอดว่า เงินจำนวนหนึ่งถูกโอนไปให้กับวัดและพระในเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย กระทั่งในเวลาต่อมาได้เกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความและวัดพระธรรมกายยินยอมคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น

ต่อมาศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น หมายเลขดำ อ.1739/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 59 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริต ในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354

อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มกระบวนพิจารณา นายศุภชัย ซึ่งถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แถลงต่อศาล ขอกลับคำให้การเดิมที่ปฏิเสธต่อสู้คดี เป็นยินยอมให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก, 353, 354 ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวมทั้งสิ้น 8 กระทง จึงพิพากษาให้จำคุก กระทงละ 3-5 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 32 ปี คำให้การจำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 16 ปี และเมื่อพิเคราะห์ พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว นับเป็นเรื่องร้ายแรง โทษจำคุกจึงไม่มีเหตุให้รอลงอาญา

จะเป็นอย่างไรต่อ!?!? จับตาเจ้าหน้าที่เบิกตัว "นายศุภชัย" มาที่ "ศาลอาญา" วันนี้ ....  (รายละเอียด)

คดีนี้ อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2558 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2556 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จัดให้มีประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 และที่ประชุมมีมติเลือกนายศุภชัย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดที่ 29 อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้ตรวจสอบพบว่า การเรียกประชุมใหญ่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ และกฎหมาย นายทะเบียน จึงมีหนังสือลงวันที่ 23 เม.ย.2556 ไม่รับรองตำแหน่งประธานกรรมการ

ต่อมาสหกรณ์ฯ ได้ประชุมใหญ่วิสามัญและมีมติให้การรับรองนายศุภชัย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์อีกครั้ง และยังเปิดประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 2 สมัยสามัญครั้งที่ 1/ 2556 และมีมติแต่งตั้งนายศุภชัย ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสหกรณ์ฯ อีกตำแหน่งด้วย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย.-8 ต.ค.2556 จำเลย ได้กระทำการทุจริต โดยให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์ หลายครั้งหลายหนรวม 8 ครั้งๆ ละระหว่าง 184,000 บาท- 6 ล้านบาท รวม 22,132,000 บาทเข้าบัญชีของจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับนายศุภชัย ยังมีคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยนฯ อีกสำนวน มูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท ที่รออัยการพิจารณาสั่งคดี โดยพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สรุปสำนวนกล่าวหานายศุภชัย, น.ส.ศรันยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการฝ่ายการเงิน, นายลภัส โสมคำ อดีตกรรมการสหกรณ์ฯ และนายกฤษฎา มีบุญมาก อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม
 
รวมทั้งสำนวนนายศุภชัย ยักยอกและลักทรัพย์ สหกรณ์ 27,642,000 บาท เมื่อช่วงเดือน พ.ค.2556 อีกคดี และสำนวนคดีฉ้อโกงสหกรณ์ กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนสมควรสั่งฟ้อง นายศุภชัย กับพวกรวม 12 ราย ให้กับอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2558 โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

ผลจากคำพิพากษาที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า การที่นายศุภชัยได้ยักยอกเงินจากสหกรณ์ แล้วนำไปถวายให้กับพระธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดธรรมกายและบุคคลอื่นอีกเป็นจำนวนมาก และบรรดาผู้ที่รับเงินเหล่านั้นจะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินหรือรับของโจรหรือไม่ 

เมื่อวันที่ 17 กุมพาพันธ์ 2559 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุถึงผลการประชุมชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเช็ค 878 ฉบับ ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นผู้สั่งจ่ายให้กับบุคคลและนิติบุคคล 7 กลุ่ม 

ซึ่งการพิจารณาความผิดของกลุ่มผู้รับเช็คจากนายศุภชัย ทั้งหมด 7 กลุ่ม ประกอบด้วย 

1.กลุ่มบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ 
2.กลุ่มนิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้
3.กลุ่มวัดพระธรรมกาย 
4.กลุ่มสหกรณ์อื่นๆ 
5.กลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย
6.กลุ่มบุคคลธรรมดาที่รับเช็ค 
7.กลุ่มนายหน้าค้าที่ดิน 

และที่ผ่านมานายศุภชัยพยายามที่จะปกป้องพระธัมมชโยด้วยการกล่าวอ้างว่าเงินที่ตนนำไปถวายเป็นเงินทำบุญที่พระธัมมชโยไม่ได้มีส่วนรู้เห็น 
แต่จากการตรวจสอบของสำนักข่าวทีนิวส์กลับพบข้อมูลว่า นายศุภชัยถือว่าเป็นศิษย์เอกของวัดพระธรรมกายและมีความสนิทสนมกัน ถึงขั้นที่พระธัมมชโยแต่งตั้งให้เป็นไวยาวัจกรชองวัดเลยทีเดียว 

 เพราะฉะนั้นการบริจาคเงินให้พระธัมมชโยนั้นพระธัมมชโยก็จะไม่มีส่วนรู้เห็นแต่จากการตรวจสอบของสำนักข่าวทีนิวส์พบว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริงด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. นายศุภชัยเคยเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ที่จะเป็นไวยาวัจกรนั้นต้องเป็นบุคคลสำคัญและมีความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสเป็นอย่างดี

โดยไวยาวัจกร ตามกฎหมายหมายถึงคฤหัสถ์ผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่เบิกจ่ายนิตยภัต และมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ และกำหนดให้ไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย

การแต่งตั้งไวยาวัจกรเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาส วัดหนึ่งอาจมีไวยาวัจกรได้หลายคน ความเป็นไวยาวัจกรสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าอาวาสผู้แต่งตั้งให้ออกหรือเจ้าอาวาสผู้แต่งตั้งพ้นจากความเป็นเจ้าอาวาส เช่น ลาออก ลาสิกขา มรณภาพ

2. เมื่อปี 2552 นายศุภชัยเคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายซึ่งเป็นที่รับรู้กับเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่างานทอดกฐินของวัดพระธรรมกายนั้นจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของวัดและใครก็ตามที่ได้เป็นคนถือผ้าไตรนั้นก็แสดงว่าเป็นคนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานั้นทั้งนายศุภชัยและทนายความก็ต่างที่จะปฎิเสธมาโดยตลอดว่านายศุภชัยไม่ได้มีความสนิทสนมกับพระธัมมชโยและไม่ได้เป็นบุคคลของวัดพระธรรมกายซึ่งเมื่อพิจารณาจากการตั้งข้อสังเกตที่1และ2แล้วก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่าจะเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นใช่หรือไม่

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ออกมาเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน แต่เป็นเพียงการแถลงข่าวสั้นๆ โดยที่นายศุภชัย ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมกับยืนยันว่าพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเงินที่นายศุภชัยได้นำไปมอบให้กับวัดธรรมกายก็เป็นเงินบริจาคทำบุญ ที่กู้กับสหกรณ์อย่างถูกต้องและได้คืนเงินทั้งหมดให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในการแถลงข่าวเมื่อวันที4 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวทีนิวส์ได้สอบถามนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของวัดพระธรรมกาย ว่าพระธัมมชโยรู้จักกับนายศุภชัยหรือไม่ โดยนายสัมพันธ์ตอบว่า รู้จักในฐานะคนทำบุญทั่วไป แต่ที่น่าสังเกตก็คือการที่นายศุภชัยได้เป็นไวยาวัจกรและเป็นเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายเมื่อปี 2552 และนายศุภชัยก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าตนได้รับความไว้วางใจ