คนไทยได้เฮ!!! เริ่มแล้ว เจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีสิทธิทุกที่ "พลเอกประยุทธ์"กำชับโรงบาลทุกแห่งให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!!!(รายละเอียด)

คนไทยได้เฮ!!! เริ่มแล้ว เจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีสิทธิทุกที่ "พลเอกประยุทธ์"กำชับโรงบาลทุกแห่งให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!!!(รายละเอียด)

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่โครงการเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีสิทธิทุกที่ หรือ ยูเซป เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องจ่ายเงินใน 72 ชม.แรก หลังจากที่ ครม.ได้อนุมัติหลักการเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปแล้ว และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกประกาศ 3 ฉบับให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องปฏิบัติตาม

 

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่ใช้สิทธิยูเซปได้มี 6 กลุ่ม คือ 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม 4.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด 6.มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยหากติดต่อรับส่งผู้ป่วยผ่าน 1669 จะช่วยให้เกิดการคัดกรองที่ถูกต้องแต่แรก
 
"นายกฯ ให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก เพราะเป็นสิทธิพึงมีพึงได้ขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องได้รับจากรัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเน้นย้ำให้โรงพยาบาลทุกแห่งศึกษาข้อมูลตามประกาศที่ สธ.กำหนด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งระบุด้วยว่า รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์ แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง ก็จะต้องดูแลช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่"

คนไทยได้เฮ!!! เริ่มแล้ว เจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีสิทธิทุกที่ "พลเอกประยุทธ์"กำชับโรงบาลทุกแห่งให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!!!(รายละเอียด)
 
 

ทั้งนี้ เมื่อโรงพยาบาลแต่ละแห่งรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วจะต้องดูแลรักษา เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและขีดความสามารถของตน โดยไม่มีเงื่อนไขการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลในระยะ 72 ชม. แต่ให้เรียกเก็บจาก กรมธรรม์ประกันภัย หรือ กองทุนที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามกฎหมาย เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม กรมบัญชีกลาง ตามบัญชีและค่าอัตราค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐกำหนด เช่น ค่าห้องผ่าตัดใหญ่ ชม.ละ 2,400 บาท ค่าอัตราซาวด์ครั้งละ 1,150 บาท ค่า MRI สมองครั้งละ 8,000 บาท ค่าลิ้นหัวใจเทียมอันละ 29,000 บาท ค่าสายยางและปอดเทียมชุดละ 80,000 บาท เป็นต้น
 
ส่วนการรักษาพยาบาลหลัง 72 ชม.นั้น  พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ให้โรงพยาบาลที่รับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยมีสิทธิรับการรักษาอยู่ ซึ่งจะเข้าสู่ระบบปกติ แต่หากผู้ป่วยประสงค์จะรักษาต่อในโรงพยาบาลแห่งนั้นก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้ ประชาชนที่มีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต โทร 0 2872 1669 หรือสายด่วน สปสช.1330

คนไทยได้เฮ!!! เริ่มแล้ว เจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีสิทธิทุกที่ "พลเอกประยุทธ์"กำชับโรงบาลทุกแห่งให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!!!(รายละเอียด)