ภาพประวัติศาสตร์!! เด็กผู้หญิง9 ขวบ เนื้อตัวล่อนจ้อนวิ่งร้องไห้หนีตายในสงครามเวียดนาม??แต่อีก40ปีหลังจากนั้น เธอกลายเป็นคนที่ทั้งโลกต้องจดจำ

 เมื่อ 43 ปีที่แล้ว Nick Ut ช่างภาพชาวเวียดนามที่เป็นผู้สื่อข่าวในสำนักข่าวของสหรัฐอย่าง AP ได้ถ่ายรูปในสงครามเวียดนาม เป็นรูปของเด็กกลุ่มหนึ่งที่ร้องไห้จ้าวิ่งหนีระเบิดอย่างน่าเวทนา มีเด็กหญิงที่เนื้อตัวไม่เหลือแม้กระทั่งเสื้อผ้าเพราะถูกไฟจากระเบิดนาปาล์มแผดเผา ภาพที่เห็นช่างน่าสะเทือนใจ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เด็กคนนี้ปัจจุบันเธอยังอยู่ดีหรือไม่?

Phan Thi Kim Phuc เด็กหญิงวัย 9 ขวบในรูป ปัจจุบันมีอายุ 52 ปีแล้ว ชีวิตของเธอในตอนนี้ก็อยู่อย่างสงบสุข แต่เธอไม่มีวันลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น บาดแผลทั้งทางกายและทางใจยังคงอยู่ไม่เลือนหาย

ภาพที่ Phan Thi Kim Phuc ร้องไห้วิ่งหนีระเบิดด้วยร่างอันเปลือยเปล่าได้รับรางวัล Pulitzer ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของนักหนังสือพิมพ์

“ภาพเด็กผู้หญิงเนื้อตัวล่อนจ้อนวิ่งร้องไห้หนีตาย พร้อมกับเด็กๆ และชาวบ้าน ท่ามกลางทหารอเมริกันและกลุ่มควันระเบิดที่กำลังพวยพุ่ง” ซึ่งภาพนี้เป็นที่รับรู้และสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนทั่วโลก เป็นภาพที่ นิค อุ๊ต (Nick Ut) นักข่าวอเมริกันจากสำนักข่าวเอพี (AP) ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1972 เวลา 14.00 น. ขณะอยู่บนถนนของหมู่บ้านเล็กๆ เชื่อมต่อกับตรั่งบ่าง (Trảng Bàng) ในจังหวัดเตยนินห์ (Tây Ninh) ทางตะวันออกของเวียดนามใต้ ภายหลังการทิ้งระเบิดนาปาล์มของเครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ลำของกองทัพสหรัฐฯ
ระเบิดนาปาล์ม 8 ลูกที่ทิ้งในวันนั้นได้เผาผลาญบ้านเรือน ทำให้หลายชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กถูกไฟเผาอย่างเจ็บปวด บ้างร้องไห้วิ่งออกจากเพลิงนรกด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดชีวิต ในเสี้ยววินาทีนั้น นิค อุ๊ต ได้บันทึกภาพสะเทือนโลกในนาทีแห่งความเป็นความตายของ ฟาน ถิ่ คิม ฟุก (Phan Thi Kim Phuc) เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ในร่างกายเปลือยเปล่า ลำตัวของเธอบางส่วนกำลังติดไฟและถูกเผาไหม้ แม้ว่าเธอจะถอดเสื้อผ้าทิ้งไปแล้วก็ตาม คุณค่าของภาพนี้ทำให้ นิค อุ๊ต ได้รับภาพข่าวรางวัลพูลิซเซอร์ (Pulitzer Price) ในปี ค.ศ. 1972 และทำให้โลกตระหนักถึงมหันตภัยของสงคราม

เมื่อหนูน้อยวิ่งมาถึง นิค อุ๊ต พบว่าผิวหนังของเธอหลุดลุ่ย คอ แผ่นหลังเกือบทั้งหมดและแขนซ้ายไหม้เกรียม เขาจึงรีบนำเธอและเด็กๆ ส่งโรงพยาบาล ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นคือ พี่น้อง 2 คนของเธอเสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนเธอต้องพบกับความทรมานแสนสาหัสจากการที่ร่างกายถูกเผาไหม้กว่า 65 เปอร์เซ็นต์ จนแพทย์ลงความเห็นว่าไม่น่ารอด แต่เธอสามารถผ่านวิกฤตชีวิต อดทนกับการรักษาที่ยาวนานกว่า 14 เดือน ผ่านการผ่าตัดกว่า 17 ครั้ง โดยได้รับกำลังใจจากคุณแม่ที่เฝ้าดูแลข้างเตียงด้วยความหวัง และกำลังใจจาก นิค อุ๊ต ซึ่งแวะมาเยี่ยมเสมอ ในช่วงที่ทำงานที่เวียดนาม

ทุกวันนี้ Phan Thi Kim Phuc ทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีของสหประชาชาติ และเธอยังก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือระหว่างประเทศ โรงพยาบาล โรงเรียนและสถานสงเคราะห์อีกหลายแห่งด้วย

เธอบอกว่า เมื่อเธอเห็นรูปตัวเองเปลือยร้องไห้วิ่งหนีระเบิดก็รู้สึกโกรธมากๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ค่อยๆเข้าใจว่า ถ้าไม่มีรูปถ่ายใบนั้น ใครจะจดจำความโหดร้ายของสงครามเวียดนามในครั้งนั้นได้ ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ ก็ต้องทำใจที่จะยอมรับรูปถ่ายใบนั้น

น่าชื่นชมที่เธอผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายและยืนหยัดมาได้จนกลายเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมโลกอีกคนหนึ่ง ช่วยกันแชร์เรื่องนี้ออกไปให้ทุกคนได้เห็นความโหดร้ายของสงคราม และมีกำลังใจว่า ถึงแม้คนเราจะเคยผ่านเรื่องราวร้ายๆหนักหนาสาหัสเพียงใด ก็อย่าแพ้พ่ายให้แก่โชคชะตา เพราะเราทุกคนสามารถทำตัวเองให้มีคุณค่าในสังคมได้เช่นเดียวกับเธอผู้นี้