ประชาชนไม่ใช่อาชญากร การนั่งท้ายรถกระบะไม่ใช่อาชญากรรม!!"ทนายเกิดผล"ซัดแหลก!! คิดแต่จะทำ แต่ไม่คิดทางออกให้ประชาชน..งานนี้จุกหาทางออกให้ด้วย

ประชาชนไม่ใช่อาชญากร การนั่งท้ายรถกระบะไม่ใช่อาชญากรรม!!"ทนายเกิดผล"ซัดแหลก!! คิดแต่จะทำ แต่ไม่คิดทางออกให้ประชาชน..งานนี้จุกหาทางออกให้ด้วย

เรียกได้ว่าเป็นกระแสสะพัดหนักในโลกโซเซี่ยลเลยก็ว่าได้สำหรับการบังคับกฏหมายของ คสช.ที่ระบุว่า จากกรณีมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยให้ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งในรถทุกประเภท ที่ทำการจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ตามคำสั่งกฎหมาย ม.44 กรณีรถกระบะแบบมีแคปว่า สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้อธิบายและชี้แจงตรงกันว่า ไม่ใช่แค่ห้ามนั่งท้ายกระบะ แต่ตรงช่วงแคป ก็ห้ามนั่ง

โดยตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจงมาตราตามมาตรา 44 ฉบับที่ 14/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฏหมายว่าการจราจรเพื่อควบคุมวินัยจราจรอย่างเข้มข้นนั้น เพื่อความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงขอชี้แจ้งเพิ่มเติมดังนี้

1. การนำรถปิกอัพขนน้ำไปสาดกันช่วงสงกรานต์ โดยมีการนั่งกระบะท้ายผ่านไปตามถนนหลวงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่สามารถอนุญาตได้ แต่พร้อมจะอะลุ้มอล่วย โดยให้รถบรรทุกน้ำและมีผู้โดยสารอยู่ที่กระบะท้ายได้ เฉพาะในกรณีที่อยู่ในพื้นที่โซนที่อนุญาตให้เล่นน้ำและให้รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆเท่านั้น

2.ขณะขนน้ำไป ขอให้นั่งในรถและเมื่อถึงที่แล้ว ขอให้จอดรถแล้วค่อยลงมาเล่นที่กระบะหลัง

3.หากจะเล่นสาดน้ำแบบวิ่งไปด้วย ก็ขอให้เล่นอยู่ภายในพื้นที่หมู่บ้าน หรือชุมชนอย่าขึ้นไปเล่นบนถนนหลวงสายหลัก จึงขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามตามกฎจราจรและมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางถนนของส่วนรวม   จากการชี้แจงในประเด็นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องการที่จะลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยผ่อนผันให้ทุกคนยังคงเล่นสาดน้ำ บรรทุกน้ำกันได้ตามบรรยากาศของสงกรานต์ในชุมชน หรือย่านใจกลางเมืองถนนสายหลัก ยกเว้นบนถนนหลวงที่รถใช้ความเร็วห้ามนั่งกระบะท้ายเล่นน้ำ หรือระหว่างขนน้ำ เพื่อความปลอดของตัวท่านเอง และไม่เสี่ยงต่อการขัดข้อกฎหมายช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้

โดยล่าสุดในวันนี้(05/04/2560) ทนายเกิดผล แก้วเกิด ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคสช.ว่าคิดจะทำกฏหมายอย่างเดียวแต่ไม่คิดจะหาทางออกให้โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ประชาชนไม่ใช่อาชญากร 
การนั่งท้ายรถกระบะ หรือแคป ไม่ใช่อาชญากรรม
ก่อนบังคับใช้กฎหมาย ที่มีผลกระทบต่อประชาชน เคยหาทางออก หรือ ทางเลือกให้ประชาชนบ้างใหม
ห่วงใยความปลอดภัยของประชาชน ไม่ใช่มาห่วงแค่ช่วงเทศาล เท่านั้น
นำเงินที่จะไปซื้อเรือดำน้ำ ,รถถัง มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ให้คนจนได้เดินทาง สะดวกและปลอดภัยดีกว่าใหม
ให้ประชาชนยากจนได้มีทางเลือก ถ้าเขามีทางเลือก แต่ไม่ทำ ท่านจะประหารชีวิต ก็ชอบธรรมดีแล้ว
แต่นี่ ท่านไม่ให้ทางเลือกประชาชน แม้แต่นิดเดียว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อย่ามาอ้างว่า มีกฎหมายมานานแล้ว
นานแล้วไงครับ...กฎหมายหลับไหล ไม่ได้บังคับใช้ ไม่ได้ให้ประชาชนรู้และเข้าใจ ประชาชนผิดอีกซินะ
มีชาวบ้านสักกี่คนที่ไปซื้อรถกระบะ จะเข้าใจว่า ห้ามนั่งกระบะ ห้ามนั่งแคป
เคยมีหน่วยงานไหน ออกมาประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเข้าใจหรือเปล่า
เคยมีทางออก มีทางเลือก มีคำแนะนำให้ประชาชนดีๆมากใหม
ปากก็บอกห่วงใยประชาชน
ถ้าห่วงใยจริง ทำไมไม่ทำให้ประชาชนพ้นความทุกข์
อย่างน้อยๆ ก่อนบังคับใช้กฎหมาย ก็ควรประกาศล่วงหน้ก่อนเทศกาลสงกรานต์สัก 4 -6 เดือน
เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ มีทางออก และวางแผนการเดินทาง
การจองตั๋วโดยสาร เครื่ิองบิน รถทัวร์ รถไฟ ก็ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน
ไม่ใช้ประกาศใช้กฎหมายปลายเดือน มีนาคม แล้วมาบังคับใช้ ต้นเดือนเมษายน คนที่ไหนจะวางแผนถูก
ถึงอยากจะไปจองตั๋ว ก็คงไม่ทันแล้ว

ชมคลิป