ใครทำลายจำนำข้าว ใครฆ่าชาวนา!?!? "นพ.วรงค์" จัดซีรีย์ที่ "ยิ่งลักษณ์-เพื่อไทย" ต้องอ่าน เพราะทีมยิ่งลักษณ์บิดเบือน (รายละเอียด)

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560 เฟซบุ๊คส่วนตัวของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์  ได้โพซเฟสบุ๊คถึงเรื่องที่มีการทำหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของพรรคเพื่อไทยนั้น โดยระบุว่า การเปิดตัวหนังสือ"ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา" ของอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นการสะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ว่า จะผ่านไปกี่ปีกี่ปี แต่พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยน ยังคงเอกลักษณ์ของการโกหก บิดเบือน เบี่ยงเบน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้การเปิดตัวหนังสือดังกล่าว ก็มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการท้าทาย คำสั่งห้ามของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ห้าม ไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นเพื่อชี้นำคดีจำนำข้าว ปัจจุบันทุกฝ่ายก็พยายามปฏิบัติตามด้วยการงดแสดงความเห็นในคดีนี้ แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังดื้อแพ่งด้วยการทำหนังสือออกมา และสะท้อนเป็นการเดินแบบคู่ขนาน โดยให้ฝ่ายผู้เป็นจำเลยปฏิบัติตามข้อกำหนดศาล แต่กำหนดตัวละครประเภทฮาร์ทคอ ออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีตที่ฝ่ายตนเองถนัด

ต่อมานพ.วรงค์ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวอีกในวันที่ 10 เมษายน 2560 ระบุว่า

"ใครทำลายจำนำข้าว ใครฆ่าชาวนา"(ตอนที่ 5)
ซีรีย์ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยต้องอ่าน เพื่อทำความเข้าใจหนังสือ ที่ทีมงานนางสาวยิ่งลักษณ์อธิบายบิดเบือน ประเด็นเรื่องจำนำข้าว
8.หนังสือกล่าวว่า:โครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สร้างผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ไม่ได้สร้างความเสียหายอย่างที่สังคมถูกชี้นำให้เชื่อ

ผมคิดว่าอย่าว่าแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เลย ถ้าหว่านเม็ดเงินลงไปมากขนาดนี้ประมาณ 9.68 แสนล้านบาท เศรษฐกิจไม่ขับเคลื่อนเลย ไปเกิดใหม่ดีกว่า สิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรต้องคำนึงถึง

8.1 เงินทั้งหมดถึงมือชาวนาจริงหรือไม่ คำตอบคือไม่จริง

8.2 มีการทุจริต เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องหรือไม่ คำตอบคือ โกงในทุกขั้นตอน

8.3 เสียหายต่อการคลังของประเทศไหม คำตอบชัดเจนว่า โครงการใช้เงินมากมายขนาดนี้ ยอดรวม9.68 แสนล้านบาท เบ็ดเสร็จขาดทุน 6.21 แสนล้านบาท สร้างหนี้ต่อหัวประชากร 9,562 บาท

8.4 ทำลายระบบข้าวไทย เพราะชาวนาเร่งปลูกข้าวโดยใช้ข้าวระยะสั้นปลูก ที่สำคัญข้าวไทยแข่งขันตลาดโลกไม่ได้ ข้าวกองท่วมประเทศถึง 18 ล้านตัน ที่สำคัญในระหว่างรับจำนำข้าว ไทยยังเป็นประเทศที่นำเข้าข้าวจากเขมร ลาว พม่าอีกด้วย

8.5 ผลกระทบตามมาของนโยบายที่ขายข้าวไม่ได้ ทำให้ชาวนาต้องรับกรรม เพราะข้าวราคาตกต่ำ จากข้าวที่สะสมไว้จำนวนมากถึง 18 ล้านตัน
8.6 หัวใจสำคัญนั่นคือ การระบายแบบจีทูจี และการระบายเพื่อจัดทำข้าวถุง เพื่อขายคนจน และคนจนหาซื้อข้าวถุงไม่ได้ ที่ฝ่ายการเมืองและคนใกล้ชิด ใช้เป็นช่องทางหาประโยชน์

สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องตระหนักถึง ความเสียหายต่างๆที่จะเกิดตามมา ไม่ใช่จะอ้างเรื่องผลประโยชน์เรื่องเศรษฐกิจมากลบเกลื่อน จึงไม่แปลกที่จะเรียกนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ยาพิษอาบน้ำผึ้ง

9.หนังสือกล่าวว่า: การระบายข้าวจีทูจีไม่ได้ทำให้โครงการรับจำนำข้าวเสียหาย นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทุจริต

ผมอ่านดูแล้วน่าอายมากสำหรับนางสาวยิ่งลักษณ์ หนังสือเล่มนี้ อ้างถึงนางสาวยิ่งลักษณ์สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อเท็จจริง จำนวน 2 ครั้ง

ครั้งที่1 วันที่ 21 ธันวาคม 2555 โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานตรวจสอบ การตรวจสอบเน้นไปที่ GSSG ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจีน

ครั้งที่2 วันที่ 18 มีนาคม 2556 โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์เจ้าเก่า แต่ครั้งนี้มี 2 ประเด็น

ประเด็นแรก เน้นไปเรืองข้าวจากโครงการรับจำนำที่ขายไปแล้ว มีการเวียนเทียนกลับเข้ามารับจำนำอีกหรือไม่
ประเด็นที่สอง เน้นไปที่การรับชำระค่าข้าวตามสัญญาจีทูจีนั้นจำเป็นต้องเปิดแอลซีหรือไม่

ผมเห็นประเด็นที่หนังสือพยายามชี้แจง แค่นี้ก็ขำกลิ้งเลย เพราะเอาแค่การตรวจสอบโดยปลัดกระทรวง ที่จะตรวจสอบรัฐมนตรีแค่นี้ก็จบแล้ว จะมีปลัดกระทรวงคนไหนที่กล้า ที่สำคัญคือ การตั้งประเด็นที่จะสอบเรื่องจีทูจีก็ไม่ถูกต้อง เขาตั้งประเด็นว่า GSSG เป็นรัฐวิสาหกิจจีนหรือไม่ แล้วผลบอกว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริง ก็ผิดประเด็นแล้ว ความจริงต้องตั้งประเด็นว่า GSSGมีอำนาจทำสัญญาจีทูจีข้าวหรือไม่ และทำไมGSSG จึงตั้งเด็กไม่มีตังค์เป็นผู้มีอำนาจแทน เพราะข้อมูลที่รัฐบาลจีนแจ้งWTO เฉพาะรายการข้าว เป็นสินค้าควบคุม มีโควต้านำเข้าชัดเจน รัฐบาลจีนเขามอบอำนาจให้ COFCOเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการ ในนามรัฐบาลจีนแต่ผู้เดียว

ส่วนการสอบครั้งที่สองก็ไม่ตรงประเด็นอีก หนังสือกล่าวถึงเรื่องนำข้าวที่รัฐบาลขายมาเวียนเทียนในโครงการรับจำนำอีกหรือไม่ โดยถามไปที่อคส.และอตก. แล้วใครจะตอบว่ามีการเวียนเทียนอีก ทุกคนก็ต้องปฏิเสธ เฉพาะเรื่องเวียนเทียนข้าว แม้ไม่ใช่ประเด็นจีทูจี แต่ทำไมนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เชื่อหลักฐาน ที่เป็นคลิปไปแอบถ่ายตอนที่มีการเวียนเทียนข้าว แต่เชื่อรายงานของปลัดกระทรวง ซึ่งมันขัดแย้ง กับข้ดเท็จจริง ไม่แปลกที่ข้าวเสื่อมสภาพในโกดังจึงมีหลายล้านตัน

ส่วนประเด็นที่สอบอีกประเด็น ก็เรื่องรับชำระเงินด้วยแคชเชียร์เชค โดยอ้างว่าการรับเงินด้วยแคชเชียร์เชค รัฐบาลได้ประโยชน์ ประเด็นที่ต้องสอบคือ เงินที่จ่ายมานั้นใช่เงินของรัฐบาลจีนที่เขาทำสัญญาจีทูจีหรือไม่ เพราะประเทศจีนเขาคงไม่ส่งคนบินมาซื้อแคชเชียร์เชคจากธนาคารใหญ่ในเมืองไทยถึง 4 แห่ง มันจึงไม่แปลกที่การค้าระหว่างประเทศ เขาจึงเปิดแอลซี และเพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ขายจะได้รับชำระเงินด้วย นอกจากสอบเพียงอ้างว่า รัฐบาลไทยได้ประโยชน์ โดยไม่ดูเลยว่าใครเป็นคนนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เชค

ที่สำคัญถ้ามีการซื้อขายแบบจีทูจี ข้าวเหล่านี้ก็ต้องถูกส่งลงเรือไปยังประเทศจีน ที่เป็นผู้ซื้อ ทำไมการตั้งกรรมการสอบจึงไม่สอบในประเด็นนี้ด้วย ก็ในเมื่อทำสัญญาซื้อขาย ทางจีนก็ต้องรับข้าวด้วย แต่กลับไม่มีการสอบประเด็นข้าวถูกส่งไปยังจีนหรือไม่
เนื่องจากประเด็นจีทูจีเป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาที่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมจึงไม่อาจที่จะนำรายละเอียดข้อเท็จจริงมาชี้แจง เพียงแต่ที่จะชี้แจงตอบโต้หนังสือที่เขาบิดเบือนเท่านั้น

การที่บอกว่าเรื่องจีทูจีนายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทุจริต เราก็ไม่ได้บอกว่านางสาวยิ่งลักษณ์ทุจริตเอง เพียงแต่การทำสัญญาเรื่องนี้ มีหลักฐานชัดเจนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาปกป้องการขายแบบจีทูจี แม้จะพูดผิดๆถูกๆ แต่เจตนาที่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาพูดนั้นชัดเจนว่ารู้เห็นด้วย และออกมาปก้ปอง

ส่วนประเด็นที่หนังสือกล่าวว่า การระบายข้าวจีทูจีไม่ได้ทำให้โครงการรับจำนำข้าวเสียหายนั้น ก็ในเมื่อมีการทุจริตกันขนาดนี้ จะไม่ถือว่าโครงการรับจำนำเสียหายอีกเหรอ ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาคิด หรือจะบอกว่าโกงไม่เป็นไรอีกแล้ว เอาง่ายๆ ถ้าจีทูจีไม่มีการทุจริต ราคาข้าวที่ขายได้จริงก็สมเหตุผล รัฐบาลก็จะมีเงินมาจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา อย่างน้อยโครงการรับจำนำข้าวก็จะเจ๊งช้ากว่านี้ ช่วนาก็ได้รับเงินเร็วขึ้น และไม่ต้องฆ่าตัวตาย และที่สำคัญถ้ามีการขายจีทูจีจริง ข้าวก็ต้องถูกส่งออกไปจีนนับสิบล้านตัน (เพราะมีจีทูจีสองรอบ รอบแรกตามสัญญา 6.3 ล้านตัน รอบสองตามสัญญา 14 ล้านตัน) การที่ข้าวถูกส่งออกไปจีนจริง ปริมาณข้าวที่เหลือคงไม่มากถึง 18 ล้านตันแน่นอน ปริมาณข้าวถ้าส่งออกไปมาก เหลือไม่มาก คงไม่มีผลกดราคาข้าวของพี่น้องชาวนาให้ตกต่ำมากขนาดนี้ แล้วอย่างนี้จะบอกว่า จีทูจีไม่ทำให้โครงการรับจำนำข้าวเสียหายได้อย่างไร

โดยการวิเคราะห์ประเด็นของหนังสือเล่มนี้ นพ.วรงค์ได้จัดแบ่งเป็นทั้งหมด5ตอน โดยตอนแรกเริ่มเมื่อวันที่6 เมษายน 2560 ซึ่งทั้งหมดนพ.วรงค์ได้โพสต์การวิเคราะห์ผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว Warong Dechgitvigrom ทั้งหมด

 

 

 

 

อ้างอิงข้อมูลจาก เฟสบุ๊ค Warong Dechgitvigrom