คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

วันที่ 10 เม.ษ. 60 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

7 ปีที่แล้วเวลาเย็น

ผมติดตามเหตุการณ์ที่ผ่านฟ้าจนแน่ใจว่า นี่คือการสลายการชุมนุมของจริง ไม่มีลับ ลวง พรางจะวกเข้าราชประสงค์

ตัดสินใจกระโดดขึ้นรถรีบไปที่นั่นตอนพลบค่ำ เสียงปืนดังรอบทิศ วิกฤติถึงที่สุด

สอบถามสถานการณ์จากเพื่อนแกนนำที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนั้น แล้วลงมติหัวใจว่าต้องหยุดความรุนแรงนี้ทันที

ผมเจรจากับคนของรัฐบาล ในที่สุดเสียงปืนก็สงบลง หลังจากนั้นเป็นเสียงกรีดร้อง ร่ำไห้ ถามหาคนที่หายไปอื้ออึงอยู่รอบตัว

จากวินาทีนั้นจนเช้ามืดผมอยู่ที่นั่น จนเดี๋ยวนี้ความทรงจำของผมก็ยังชัดเจนเหมือนยังอยู่ในคืนอำมหิตนั้น

 

ผมสงสัยตลอดมา ว่าคนสั่งการยังจำได้ไหม?

เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน นึกไม่ถึงว่านอกจากไม่ให้เสรีภาพ พวกเขายังพรากเอาลมหายใจคนมือเปล่าได้ลง

วันหนึ่งความจริงและความยุติธรรมจะปรากฏ

ผมเชื่อมั่นเช่นนี้ตลอดมา

คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 12.30 น. นายขวัญชัย ไพรพณา ประธานชมรมคนรักอุดร หนึ่งในแกนนำนปช. ได้นำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง บุกไปที่กองทัพภาคที่1 ซึ่งได้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงอีกครั้ง จนสถานการณ์ได้มีความต่อเนื่องไปสู่การปะทะกันขึ้น

ซึ่งต่อมา ศอฉ.ได้ประกาศขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยยืนยันว่าจะปฏิบัติการตามมาตรการ 7 ขั้นตอน และเจ้าหน้าที่ทหารจะใช้อาวุธปืนจริงเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

สถานการณ์ตลอดช่วงกลางวันจนมาถึงช่วงเย็นก่อนพลบค่ำ ทหารใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่ โดยการปะทะตลอดทั้งวันไม่ได้มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บหนักแต่อย่างใด

แต่กลับเป็นการรายงานสถานการณ์ใน เว็บบอร์ดของเว็บไซด์พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ต้องการสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคมว่าได้มีการใช้อาวุธปืนจริงมาจากทางฝั่งของทหาร โดยบุคคลที่ใช้ชื่อว่าเสธ.แดง รหัสอาชา โพสต์ กระทู้ไว้ในเวลา 16.13 น.  ว่า

“ต้องขอบใจที่ทหารเริ่มยิงประชาชนด้วยเอ็ม16...เกมส์อาจจะเปลี่ยนด้วยประวัติศาสตร์...ของนักรบพระเจ้าตาก ที่ทนไม่ไหว ต้องเอากระบี่เสียบเอว...พวกมึงอยู่ไหนกันหมด ไปช่วยประชาชนด้วยโว๊ย ...บอกว่า..กูสั่ง??? ”

บุคคลที่ใช้ชื่อว่าเสธ.แดง รหัสอาชา พยายามโจมตีว่า ได้มีการยิงเอ็ม16จากฝั่งทหารเข้าใส่ประชาชน ทั้งที่ในช่วงนั้นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่สะพานผ่านฟ้าเพิ่งเริ่มต้นขึ้นและภาพที่ปรากฎต่อสาธารณะก็คือการใช้กำลังทหารเข้าผลักดันมวลชน สลับการใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาเพื่อลดแรงปะทะจากอีกฝ่าย

และตามหลักความจริงถ้ามีการยิง M 16 ในช่วงจังหวะดังกล่าวจริงๆ ก็ต้องมีการบาดเจ็บหรือล้มตายเกิดขึ้นในจุดการปะทะบริเวณถนนราชดำเนินไม่มากก็น้อย

ตรงกันข้าม กลับมีการยิงอาวุธปืนมาจากกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใส่เฮลิคอร์ปเตอร์ของทหารที่บินขึ้นไปโรยแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บอย่างที่เห็น

สถานการณ์การปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 เมษายน 2553 ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนกระทั่งในเวลาประมาณ 19.15 น.  ได้เกิดการปะทะกันอย่างหนักหน่วงบริเวณ 4 แยกคอกวัวเป็นครั้งแรกที่สังคมไทยและทั่วโลก ได้ประจักษ์ถึงภาพของไอ้โม่งชุดดำที่แฝงตัวอยู่ทางฝั่งคนเสื้อแดง กลุ่มของไอ้โม่งชุดดำออกปฏิบัติการใช้อาวุธสงครามอย่างชำนาญ ทั้งทางภาคพื้น และการซุ่มยิงจากระยะไกล หรือที่เรียกว่าสไนเปอร์ ซึ่งล้วนเป็นการยืนยันว่า กลุ่มของไอ้โม่งชุดดำเหล่านี้ ได้รับการฝึกฝนในระดับมืออาชีพ นั่นจึงเท่ากับว่าทั้งทหารและกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังติดอาวุธ ที่ต้องการยกระดับสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายมากที่สุด

จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ เวลานั้น หากปล่อยให้กองกำลังติดอาวุธโจมตีคนเสื้อแดงและทหารต่อไป ความสูญเสียก็จะมากยิ่งขึ้น ทหารจึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้อาวุธปืนจริงยิงตอบโต้กองกำลังติดอาวุธ เพื่อยับยั้งความสูญเสีย ซึ่งแน่นอนว่าการปฏิบัติการณ์ของทหารเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากกลุ่มกองกำลังติดอาวุธได้ใช้ร่างกายของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเป็นเกราะกำบัง

การใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ในคืนนั้นนอกจากจะทำไปเพื่อระงับความสูญเสียแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เพื่อป้องปรามและป้องกันภยันต์ตรายที่ย่างกายเข้ามาสู่ตัว

การยิงแล้วถอยของทหาร ซึ่งเป็นการยิงทีละนัด แล้วถอย เพื่อป้องปรามและป้องกันตัว เพราะถ้าเป็นการยิงเพื่อฆ่าหรือทำลาย จะต้องเป็นการยิงกราด หรือลั่นไกค้างเอาไว้

คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

หตุการณ์ปะทะในคืนมิคสัญญี 10 เมษา ส่งผลให้ทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต 26 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 800 ราย

ทั้งนี้ความสูญเสียในคืนมิคสัญญี อาจมากมายมหาศาลกว่านี้หลายเท่าตัว หากระเบิดซีโฟร์น้ำหนัก 1.5 ปอนด์ ที่คนร้ายนำไปวางไว้ที่ ฐานของเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเสาส่งไฟฟ้ามายังกรุงเทพมหานคร ระเบิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ และเสาไฟฟ้าโค่นล้มลง

ด้วยความต้องการของคนร้าย ที่จะให้กรุงเทพมหานครมืดดับสนิท ในเวลา 21.00น. หรือในระหว่างที่สถานการณ์บริเวณสี่แยกคอกวัวและอีกหลายจุดในกรุงเทพมหานคร กำลังโกลาหลอย่างถึงที่สุด

โดยในค่ำคืนดังกล่าวมีมวลชนฝ่ายคนเสื้อแดงที่ไม่รู้ถึงการเตรียมการในครั้งนี้ได่เล่าถึงวินาทีการออกปฎิบัติการของกองกำลังชุดดำอย่างชัดเจน

เหตุการณ์ในวันนั้น  พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม  เสียชีวิตจากการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน (นปช.) ที่แยกคอกวัว เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 ช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในการชุมนุมของกลุ่ม นปช.นี้ในปีเดียวกัน โดยมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะและลำตัวลักษณะถูกยิงหลายนัด ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่งทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งนายฮิโระ มูราโมโตะ สื่อมวลชนชาวญี่ปุ่นด้วย

ต่อมาในวันที่ 31 เมษายน 2560 ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีชายชุดดำ ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ,นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น (ประกัน) ,นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา ,นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย และนางปุณิกา หรืออร ชูศรี ร่วมกันครอบครองวัตถุระเบิด วงจรระเบิด และอาวุธปืนสงคราม เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 แยกคอกวัว ที่ ห้อง801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำ

 

คนไทยเชื่อไหม!!! "เต้น"โพสต์รําลึกความหลัง 7 ปีที่แล้ว เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพของประชาชน...!!!(รายละเอียด)

นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 2 ราย ประกอบด้วย
 
1.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่รถตู้ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 16001/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

2.นายวัฒนะโชค จีนปุ้ย หรือโบ้ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1602/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 รายที่นำตัวมาแถลงข่าวในวันนี้ ถูกตั้งข้อหาร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ,พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุจริง โดยรู้จักกันที่สถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 97.75 ก่อนร่วมกันวางแผนก่อเหตุ ที่บ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา โดยมี นายจักรรินทร์ หรือ เสธไก่ ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีเป็นผู้บงการจัดอาวุธ

ถัดมาอีก 2 วัน คือวันที่ 10 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ต้องหาจึงได้ลงมือก่อเหตุ โดยใช้รถตู้สีขาว เป็นยานพาหนะ โดยนำมาจอดไว้บริเวณถนนตะนาว จากนั้นได้เดินเท้าไปยังสี่แยกคอกวัว และลงมือก่อเหตุ โดยไม่ได้ระบุเป้าหมายว่าจะยิงใคร และไม่ได้รับการฝึกอาวุธมาก่อน ซึ่งขณะเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ 1 คน พร้อมอาวุธปืน เอ็ม 79 แต่ผู้ชุมนุมได้เข้ามาช่วยเหลือจนผู้ต้องหาสามารถหลบหนีไปได้ทั้งหมด

 พลตำรวจเอกสมยศ ยังเปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวด้วยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดงที่ถูกศาลอนุมัติออกหมายจับ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามให้กับผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธสงครามยิงใส่สถานที่ต่างๆ ก่อนหน้านี้ โดยพบหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินจำนวนมากให้กับผู้ต้องหาเหล่านี้

ส่วนผู้ต้องหาจะมีการซัดทอดถึงใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ได้ว่าเชื่อมโยงถึงใคร เพราะจะทำให้ยากต่อการสอบสวนขยายผลต่อไป

จากการแถลงจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง กับชายชุดดำที่ออกมาปฏิบัติการในวันที่ 10 เมษายน ในปี 2553 มีรายชื่อผู้ต้องหาที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ 1 คน คือนายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่รถตู้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกับสำนักข่าวทีนิวส์ได้มีการนำเสนอมาตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีข้อสงสัยว่านายธนเดช น่าจะเป็น 1 ในผู้ต้องหาที่มีความเชื่อมโยงกับแกนนำ นปช. ใช่หรือไม่

นี่คือภาพจากกล้อง ซีซีทีวี บริเวณแยกสี่กั๊กที่นายธนเดชได้ขับพาชายชุดดำเข้าไปก่อเหตุที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 20 นาฬิกา 19 นาที 

หลังจากมาถึงที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำก็ได้ลงจากรถตู้และก็ได้ปฎิบัติการก่อเหตุอย่างภาพที่คุณผู้ชุมจะพบเห็นดังนี้

โดยหลังจากที่ชายชุดดำนั้นได้ปฏิบัติภารกิจเสร็จก็ได้ขับรถตู้กลับออกมาผ่านทางแยก 4 กั๊ก และกล้อง ซีซีทีวี ก็ได้สามารถบันทึกภาพได้อีกครั้ง ในเวลา 21 นาฬิกา 1 นาที

และนี่ก็คือโฉมหน้าของ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ คนขับรถตู้ให้กับกลุ่มชายชุดดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่กลุ่มชายชุดดำเรียกว่า ไก่ รถตู้
ซึ่งในเวลาต่อมาแม่ของนายธนเดช ได้เสียชีวิตลงซึ่งในงานศพเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2553 บรรดาแกนนำ นปช. ก็ได้ส่งพวงรนีดไปร่วมไว้อาลัย ก็คือ ชินวัฒน์  หาบุญพาด จรัล  ดิษฐาอภิชัย พายัพ  ปั้นเกตุ ขวัญชัย  ไพรพนา พ.ต.ท.ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์ จักรภพ  เพ็ญแข
 

 

 

Cr.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ