- 13 เม.ย. 2560
วันนี้ (13 เม.ย. 60) ทางรายการทีนิวส์ สด ลึก จริง ได้นำเสนอข่าวสถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์
วันนี้ (13 เม.ย. 60) ทางรายการทีนิวส์ สด ลึก จริง ได้นำเสนอข่าวสถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ โดย พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความ สงบแห่งชาติ (คสช.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ ภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 409 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 33 ราย ผู้บาดเจ็บ 420 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 45.48 ขับรถเร็ว ร้อยละ 24.94
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 77.80
ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.28 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.67 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.03
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.34 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 46.36 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,025 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 63,299 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 603,474 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 93,564 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 27,081 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 26,465 ราย
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,025 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 63,299 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 603,474 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 93,564 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 27,081 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 26,465 ราย
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุบลราชธานี และนครราชสีมา (4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (17 คน)
โดยวันที่ 12 เม.ย.60 เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ประชาชนส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว และเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ คาดว่าถนนสายหลัก โดยเฉพาะเส้นทางขาออกจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่ภูมิภาคต่างๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรที่มีอยู่เดิม และกฎหมายพิเศษตามคำสั่ง คสช.อย่างเคร่งครัด เน้นการปฏิบัติการบนเส้นทางสายหลัก โดยเฉพาะการคุมเข้มการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และขับรถย้อนศร พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทาง ไม่ประจำทาง และรถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ รวมถึงเข้มงวดรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารท้ายกระบะในลักษณะเสี่ยงอันตราย ที่สำคัญ ให้กวดขันสภาพความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถ เพื่อให้อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะเป็น “ศูนย์”
ชมคลิป