- 17 เม.ย. 2560
รายการทีนิวส์ สด ลึก จริง วันที่ 17 เม.ย.ได้นำเสนอประเด็นการถอนหมุดคณะราษฎร ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้
"ทายาทเสรีเริงฤทธิ์" พร้อมกลุ่ม นศ. 3 มหาวิทยาลัยแจ้ง ตร.ตามหา "หมุดคณะราษฎร" เชื่อคนถอดไปหวังทำลายประวัติศาสตร์ "คนส." ออกแถลงการณ์ชวน ปชช.ร่วมกันเรียกร้องให้นำกลับมาคืนดังเดิม "เหวง-วัฒนา" ซัดรัฐบาลต้องรับผิดชอบ อ้างนิ่งเฉยเหมือนหนุนฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย "พล.ท.นันทเดช" มองต่างระบุหายไปช่วยปลดแอกประเทศ
โดย นายพริษฐ์ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ อายุ 30 ปี หลานชายหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ในฐานะตัวแทนคณะลูกหลานคณะราษฎร เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มอ ระนา รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามหาหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่อยู่บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นหมุดที่ทำขึ้นเนื่องในเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 และได้หายไป โดยมีการนำหมุดใหม่มาเปลี่ยน
โดยนายพริษฐ์กล่าวว่า ตนอาสามาเป็นหนังหน้าไฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมไทยที่ไม่สบายใจ เนื่องด้วยตนยังอายุไม่มากคงได้รับความเมตตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งหมุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าเราได้มีการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุดในประเทศไทย
"ในส่วนของลูกหลานคณะราษฎรมีทั้งที่พอใจและไม่พอใจ ผมจึงอาสามาในวันนี้ ด้วยความที่คณะราษฎรมีผู้เกี่ยวข้องทั้งพลเรือนและทหารจำนวนมากในยุคนั้น ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็ยังอยู่ในราชการเป็นจำนวนมากและลูกหลานเติบโตต่อมา หลายท่านที่เป็นตำรวจ ทหาร ที่ทั้งรับราชการและไม่ได้รับราชการแล้ว มีการใช้คำพูดรุนแรงมากจนผมรู้สึกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวผมเป็นตัวแทนเอง เพราะอยากทราบว่าหมุดคณะราษฎรหายไปได้อย่างไร และอยู่ที่ไหน จะดำเนินการอย่างไร ไม่ได้จะเอาเป็นเอาตายแต่อย่างใด" นายพริษฐ์กล่าว
ต่อมานายภัทร คะชะนา ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ กลุ่มข้าวกล่อง มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมด้วย น.ส.ภัครจิรา กีรติวิบูลย์วงศ์ ชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ กลุ่ม ccp จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส.สุทธิดา วัฒนสิงห์ ชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ กลุ่มเสรีเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มอ ร้อยเวรสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหมุดคณะราษฎรเช่นเดียวกัน
ซึ่งทางด้าน นายภัทร หนึ่งในตัวเเทนนักศึกษา กล่าวว่าทราบว่าหมุด คณะราษฎรซึ่งเป็นหมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ ทำด้วยวัสดุทองเหลือง มีถ้อยคำจารึกไว้ว่า "ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ" ได้หายไปเมื่อช่วงบ่ายๆ วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มตนรู้สึกกังวลใจ เนื่องจากหมุดนี้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร ถือเป็นวัตถุโบราณของชาติประเภทหนึ่งก็ได้ เนื่องจากมีอายุเก่าเกิน 50 ปี ปัจจุบันมีอายุกว่า 81 ปีแล้ว อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญของประเทศ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษาก็ตาม
ทั้งนี้เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้ว ซึ่งผู้กล่าวหาได้มาขอลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว ให้ช่วยติดตามทรัพย์สินที่หายไปคืนมา สำหรับทรัพย์สินที่หายไปนั้นเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งเป็นผู้ใดก็ได้ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยจะนำเรื่องนี้นำเรียนผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาต่อไป
โดยวันเดียวกันนี้ ทางเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ออกแถลงการณ์เรื่อง การลักทรัพย์สมบัติสาธารณะและฉวยเปลี่ยนหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ โดยแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า การเปลี่ยนหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญด้วยหมุดใหม่ พร้อมข้อความที่ว่า "ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง" และ "ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน" เป็นการทำลายความทรงจำร่วมที่มีคุณค่าพร้อมกับสร้างความทรงจำร่วมชุดใหม่ขึ้นมา ซึ่งขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของคนที่เปลี่ยนหมุดดังกล่าวว่าต้องการอะไร แต่คิดว่าส่วนหนึ่งคนทำต้องการลบประวัติศาสตร์วันที่ 24 มิ.ย.2475 ที่นำหมุดมาปักเพื่อประกาศให้ประชาชนทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย
"หมุดดังกล่าวจึงถือเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้จะทำให้คนรุ่นหลังหมดโอกาสในการศึกษา จึงขอเรียกร้องให้คนทำนำหมุดเก่ากลับมาไว้ที่เดิม และรัฐบาลต้องเข้ามาดูและตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่ออธิบายให้สังคมเกิดความกระจ่างต่อไป" นพ.เหวงกล่าว