โดนไล่ออก!!ชะตากรรม “ธาริต เพ็งดิษฐ์”สูงสุดสู่ผกผัน ชีวิตจริงที่ต้องเผชิญ

โดนไล่ออก!!ชะตากรรม “ธาริต เพ็งดิษฐ์”สูงสุดสู่ผกผัน ชีวิตจริงที่ต้องเผชิญ

ปิดฉากชีวิตราชการอย่างไม่สวยงามนัก สำหรับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หลังจากมีคำสั่งไล่ออกจากราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. แต่เพิ่งมาเป็นข่าวเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เขาถูกไล่ออกตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งการไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า ร่ำรวยผิดปกติมีทรัพย์สินมากผิดปกติรวมมูลค่า 346,652,588 บาท

 

นายธาริตในอดีตนั้น ถือเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ด้วยความที่เป็นคนมีความรู้ความสามารถจึงถูกจับตาว่าจะต้องมีอนาคตก้าวไกล เขาเรียนจบด้วยนิติศาสตร์และได้เป็นอัยการ กระทั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” มีแนวคิดตั้งพรรคไทยรักไทย เขาจึงเป็นหนึ่งในนักกฎหมายคอยช่วยงานพรรคร่วมกับนายคณิต ณ นครและนายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม ต่อมาเมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง เขาจึงถูกเลือกให้มาช่วยงานรัฐบาล“ทักษิณ” ต่อมาก็ถูกโอนย้ายไปเป็นรองอธิบดีดีเอสไอเขามีส่วนในการยกร่างกฎหมายจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ก่อนได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ ป.ป.ท. คนแรก

ประชาชน ต่อมาโชคได้เข้าข้างเขาอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคพลังประชาชน เป็นพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อ“นายกฯมาร์ค” มาถึงก็สั่งย้ายอธิบดีดีเอสไอคนก่อนคือ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง แล้วดึงเขาจาก ป.ป.ท.ให้มานั่งแทน

 

เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เมื่อแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ชุมนุมขับไล่รัฐบาล“อภิสิทธิ์” ในปี 2553 การชุมนุมประท้วงรัฐบาลเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเรื่อยๆจนต่อมามีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขึ้นมาควบคุมสถานการณ์  เขามีบทบาททั้งในฐานะทีมโฆษก ศอฉ. ซึ่งทำงานร่วมกับ เสธ“ไก่อู” พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด และยังมีบทบาทในฐานะอธิบดีดีเอสไอด้วย

บทบาทของเขาถูกกล่าวถึงและถูกโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่องจากเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เพราะระหว่างนั้นเขาทำคดีเกี่ยวกับการชุมนุมได้รวดเร็วแบบไม่ปล่อย  โดยเฉพาะคดีก่อการร้าย เสื้อแดงต่างสาปแช่ง แต่เขายังคงทำหน้าที่อย่างไม่สะทกสะท้าน

 

 

การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554 นำมาซึ่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทย มีนายกฯหญิงชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”บิ๊กเนมในรัฐบาลประกาศก้อง ว่าถึงอย่างไรก็จะต้องย้ายนายธาริต ให้พ้นจากดีเอสไอ กระนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้นมีรัฐบาลใหม่เขาก็ทำงานร่วมกับรัฐบาลได้อย่างดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยหนําซ้ำ ยังย้อนกลับไปเล่นงานมิตรเก่าอย่างพรรค ปชป. แบบที่เรียกว่า “กลับตัวทันควัน”

 

นั่นเป็นช่วงวิบากกรรมของ ปชป. เพราะนายธาริต เดินหน้าคดีความของ ปชป.ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น คดีต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส คดีทุจริตก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ คดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ฯลฯ ขณะที่คดีของฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มเสื้อแดงกลับยกฟ้อง ไม่ว่าจะเป็น คดีผังล้มเจ้า คดีกระสุนพระราชทาน ฯลฯ นี่เป็นที่มาของคำว่า “ธาริตเปลี่ยนสี”

 

 

แต่ชีวิตคนเราใช่ว่าจะมีขึ้นได้ตลอดเวลา และชีวิตของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อมีคำสั่งย้ายเข้ากรุ จากนั้นชีวิตก็เข้าๆออกๆศาลเป็นว่าเล่น

 

ในปี2558 นายธาริตถูก ป.ป.ช. สั่งอายัดทรัพย์เดือนมีนาคม 2560 ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งจำคุก 2 ปี นายธาริต แต่ลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี กระทั่งต่อมาล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน เขาเจอกับคำสั่งไล่ออกจากราชการ

 

อย่างไรก็ตาม ตอนมีรัฐบาลใหม่ นายธาริตเกือบจะมีโอกาสได้ “เปลี่ยนสี” อีกครั้ง เมื่อเขาเดินเข้าสภาไปสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่ในเมื่อเป็นขาลงโชคจึงไม่เข้าข้าง ลูกผู้ชาย ชื่อ “ธาริต เพ็งดิษฐ์”จึงต้องเผชิญกับชีวิตจริงที่ผกผันอย่างทุกวันนี้