ย้อนดูชัดๆ  จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ!! ตา-ยาย บุกรุกป่าสงวน!! (รายละเอียด)

ย้อนดูชัดๆ จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ!! ตา-ยาย บุกรุกป่าสงวน!! (รายละเอียด)

เรียกได้ว่าเป็นคดีที่คนไทยทั้งประเทศนั้นรอคอยเลยก็ว่าได้สำหรับคดีบุกรุกป่าสงวนของสองตา-ยาย  โดยในวันนี้นั้น(02/05/2560)  09.00 น.ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้โทษจำคุก 5 ปี ในคดีนายอุดม และนางแดง สิริสอน  2 สามีภรรยา ชาว  อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ถูกจับกุมตัวฐานความผิดร่วมกันบุกรุก แผ้วถาง ก่อสร้าง ทำไม้ ยึดถือครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการกระทำให้เสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานความผิดทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตรารัฐบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังเข้าไปเก็บเห็ดในพื้นที่ป่าป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงระแนง จ.กาฬสินธุ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2553

โดยนายอุดม และนางแดงได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแต่เข้าไปเก็บเห็ดเท่านั้น  ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ให้การว่า 2 สามีภรรยา ร่วมกันตัดไม้ทำลายป่าเป็นเนื้อที่กว่า 72 ไร่ ด้วยมีพร้า และมีหลักฐานเป็นตอไม้ 700 ตอ ขณะที่ทนายความของ 2 สามีภรรยาได้ยื่นหลักฐานเอกสารรับรองจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ที่ยืนยันสามีกะโหลกร้าว มีปัญหาเรื่องการได้ยินและขาอ่อนแรงจากการประสบอุบัติเหตุ 2 ครั้ง พร้อมภาพถ่ายทางอากาศยืนยันว่าไม่พบตอไม้ 700 ตอ ตามที่อยู่ในบันทึกการจับกุมด้วย
 

ย้อนดูชัดๆ  จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ!! ตา-ยาย บุกรุกป่าสงวน!! (รายละเอียด)

โดยหากเราย้อนไปยัง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ออกตรวจท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง ซึ่งพบกลุ่มบุคคลประมาณ 3-4 คน กำลังร่วมกันตัดไม้ และพบไม้สักถูกตัดโค่นล้มลงจำนวนมาก จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งเมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ต่างพาหลบหนีไป
 
แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทยเกอร์ สีแดงดำ ทะเบียน กยท. 331 กาฬสินธุ์ จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงยึดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่าป่าสงวนแห่งชาติถูกบุกรุกแผ้วถางรวมเนื้อที่ 72 ไร่ ตรวจยึดไม้สักและไม้กระยาเลยท่อนที่ถูกตัดโค่นลงจำนวน 1,148 ท่อน ปริมาตร 65.69 ลูกบาศก์เมตร จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง
 
พร้อมกับเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมี พ.ต.ท.เทพบดินทร์ ทรงหอม พนักงานสอบสวนสภ.ยางตลาด เป็นเจ้าของคดี ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว

เจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นผู้รวบรวม พยานหลักฐานและเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ โดยมีฝ่ายอ.ยางตลาดสมัยนั้นเป็นหัวหน้าชุดสอบสวน กระทั่งตำรวจ ซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบติดตามตัวเจ้าของรถจักรยานยนต์และพบว่ามีนายอุดม ศิริสอน อายุ 51 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 48 ปี สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของรถ และได้มีการสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการฟ้อง
 
โดยมีเพียงพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจคือ พ.ต.ท.เทพบดินทร์ฯ ปลัดอำเภอ และนายอำเภอสมัยนั้นลงชื่อในสำนวนสอบสวน ไม่ได้ผ่านมายังผกก.หรือสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัด กระทั่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 30 ปี แต่ทั้งสองคนรับสารภาพ
 
จึงลดโทษลงครึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 15 ปี โดยทั้งสองเห็นว่าโทษยังหนักอยู่จึงมีการยื่นต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 15 ปี ต่อมามีการยื่นต่อศาลฎีกา และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินของศาลฎีกา ทั้งนี้ทางเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้เข้าให้การช่วยเหลือและได้รับการปล่อยตัวออกมาชั่วคราว

คดี นี้เกิดขึ้นมากว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ยางตลาดเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตามหากผลการตัดสินของศาลฎีกาออกมาเป็นอย่างไร และหากสอง-ตายายมองว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เริ่มต้น ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์และตำรวจสภ.ยางตลาดเจ้าของพื้นที่ก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ หากทั้งสองประสานขอความช่วยเหลือมา
 
ซึ่งอาจจะมีการเข้าไปสืบเสาะแสวงหาหลักฐานพยาน หรือรื้อคดีทำใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่ปัจจุบันจากการประสานของตำรวจสองตา-ยายแต่ยังคงหวาดระแวงการทำงานของเจ้า หน้าที่และไม่ยอมให้พบ พร้อมกับบอกว่าให้คุยผ่านทนายอย่างเดียว ดังนั้นตนขอยืนยันว่าตำรวจกาฬสินธุ์มีความหวังดีพร้อมที่จะเข้าให้การช่วย เหลือไม่ได้มีเจตนาอื่น

ย้อนดูชัดๆ  จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ!! ตา-ยาย บุกรุกป่าสงวน!! (รายละเอียด)

โดยจากการตั้งข้อสังเกตุของสำนักข่าวทีนิวส์นั้น คดีดังกล่าวมีอะไรที่เป็นลับลมคมในหรือไม่ โดยหากย้อนกลับไป (24 มี.ค.) ที่กองปราบปราม ายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พานายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 50 ปี สองสามีภรรยาผู้ต้องหาคดีเก็บเห็ดในป่าสงวนแห่งชาติบ้านหนองกุงไทย หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.(สอบสวน) บก.ป.เพื่อนำพยานเอกสารรายชื่อบุคคลรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มามอบให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เพิ่มเติม

นายสงกานต์กล่าวว่า ภายหลังได้พาจำเลยทั้งสองเข้าฟังรายงานการสืบเสาะและพินิจคดีที่สำนักงานคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์แล้วนั้น ทางสำนักงานคุมประพฤติได้นำรายงานนี้ส่งไปยังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนได้ขอคัดสำเนารายงานดังกล่าวรวม 2 ชุด นำมามอบให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เพิ่มเติมในวันเดียวกันนี้ โดยเนื้อหาก็มีการระบุผลที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ 700 ต้นในเขตป่าสงวนแห่งชาติบ้านหนองกุงไทย รวม 72 ไร่ แต่อย่างใด 

นายสงกานต์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้พิจารณาดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการตั้งข้อกล่าวหาจำเลยทั้งสองในความผิดฐานแจ้งความเท็จ, กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา รวมทั้งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐก็มีตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง 5-6 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ในส่วนนี้ได้ และคงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ที่จะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีต่อไป
 

ย้อนดูชัดๆ  จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ!! ตา-ยาย บุกรุกป่าสงวน!! (รายละเอียด)