ยูนิต180 อาวุธลับของเกาหลีเหนือ ประสิทธิภาพร้ายแรงกว่าขีปนาวุธหลายเท่า จนทำให้ตะวันตกยังสะท้าน (มีคลิป)

            วันนี้ ( 23 พ.ค.60) รายการทีนิวส์ สด ลึก จริง ได้นำเสนอข่าวต่างประทเศจากสำนักข่าวรอยเตอร์ กรณี เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ อีกครั้งเมื่อ วันอาทิตย์ ที่ 21 พฤษภาคม 2560เวลา 07.59 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิชหรือ ตรงกับเวลา 14.59 น. ของประเทศไทย จากสถานที่ใกล้ๆ เมืองพุคชาง ห่างจากเมืองหลวงเปียงยางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 60 กิโลเมตร พิสัยของการเดินทางครั้งนี้คือราว 500 กิโลเมตร ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบครั้งนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงระดับความสูงประมาณ 560 กิโลเมตร รูปร่างลักษณะของจรวดคล้ายคลึงกับแบบ พุคกูซอง-2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอัปเดตและขยายพิสัยทำการให้ไกลขึ้นของขีปนาวุธนำวิถีแบบยิงจากเรือดำน้ำ
       

ยูนิต180  อาวุธลับของเกาหลีเหนือ ประสิทธิภาพร้ายแรงกว่าขีปนาวุธหลายเท่า จนทำให้ตะวันตกยังสะท้าน (มีคลิป)


             ด้านประธานาธิบดีมุน แจอิน ได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับทางด้าน  โยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงว่า ขีปนาวุธนำวิถีของเกาหลีเหนือลูกล่าสุดนี้ ได้ตกลงในทะเลญี่ปุ่น บริเวณด้านนอกของเขตเศรษฐกิจจำเพาะ โดยไม่มีรายงานว่าสร้างความเสียหายแก่เรือหรือเครื่องบินใดๆ


             ขณะที่ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาบะได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่นว่า และกล่าวว่า“การดูหมิ่นและการท้าทายความพยายามของนานาชาติที่จะหาหนทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ” พร้อมกับบอกด้วยว่า เขาต้องการหยิบยกเรื่องเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนี้ขึ้นมาพูดกันในการประชุมซัมมิตของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี7) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่อิตาลีปลายเดือนนี้

 

ยูนิต180  อาวุธลับของเกาหลีเหนือ ประสิทธิภาพร้ายแรงกว่าขีปนาวุธหลายเท่า จนทำให้ตะวันตกยังสะท้าน (มีคลิป)
       
             ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวซึ่งอยู่ในคณะของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ที่กำลังเยือนซาอุดีอาระเบีย แถลงยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลาง แต่ดูเหมือนพยายามไม่ให้น้ำหนักอะไรนักแก่เรื่องนี้ โดยได้กล่าวเพียงว่า เราตระหนักดีว่าเกาหลีเหนือได้ยิง MRBM ขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลาง ลูกหนึ่ง ระบบนี้ ซึ่งถูกเกาหลีเหนือ นำมาทดสอบครั้งสุดท้ายในเดือนกุมภาพันธ์ มีพิสัยทำการที่สั้นกว่าพวกขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบ 3 ครั้งหลังสุด

 

เกาหลีเหนือเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญในการโจมตีทางออนไลน์หลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายการเงินในอเมริกา เกาหลีใต้ และอีกนับสิบประเทศ
       
นักวิจัยด้านความปลอดภัยบนไซเบอร์ยังพบหลักฐานทางเทคนิค ที่อาจเชื่อมโยงเกาหลีเหนือกับการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ แรนซัมแวร์ ในชื่อ WannaCryซึ่งส่งผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์กว่า 300,000 เครื่องใน 150 ประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เกาหลีเหนือโต้กลับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็นเรื่องตลก
       
ข้อกล่าวหาต่อเกาหลีเหนือมาจากความเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ ลาซารัสที่พัวพันกับการปล้นแบงก์ชาติบังกลาเทศผ่านระบบไซเบอร์และกวาดเงินไป 81 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงการโจมตีสตูดิโอหนังของโซนี่ในปี 2014      รัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่า การโจมตีโซนี่เป็นฝีมือเกาหลีเหนือขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนเผยว่า อัยการของอเมริกากำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิดเกาหลีเหนือกรณีการปล้นธนาคารกลางบังกลาเทศ
            อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีพยานหลักฐานชัดแจ้ง รวมทั้งไม่มีการตั้งข้อหาอาชญากรรม ส่วนทางเกาหลีเหนือก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดแม้ยากจะสืบสวนปฏิบัติการลับของเกาหลีเหนือ แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาความเป็นไปในประเทศนี้ รวมทั้งผู้แปรพักตร์ที่หนีไปเกาหลีใต้ และอเมริกา ก็ได้ให้เบาะแสที่สำคัญบางอย่าง


            คิม เฮียงกวาง อดีตศาสตราจารย์วิทยาการคอมพิวเตอร์ในเกาหลีเหนือที่หลบหนีไปเกาหลีใต้ในปี 2014 และยังมีแหล่งข่าวอยู่ในเกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า การโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือที่มีเป้าหมายในการระดมเงินสดมีแนวโน้มดำเนินการโดยยูนิต180 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สำนักงานข่าวกรองของเกาหลีเหนือ (RGB) ที่ปฏิบัติการลับในต่างประเทศ

 

ยูนิต180  อาวุธลับของเกาหลีเหนือ ประสิทธิภาพร้ายแรงกว่าขีปนาวุธหลายเท่า จนทำให้ตะวันตกยังสะท้าน (มีคลิป)
       

              ยูนิต180เกี่ยวข้องกับการเจาะระบบของสถาบันการเงินและถอนเงินจากบัญชีธนาคาร อดีตนักศึกษาของตนบางคนได้เข้าร่วมกับศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์ไซเบอร์ของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นกองทัพไซเบอร์ของเกาหลีเหนือแฮกเกอร์เหล่านั้นกระจายอยู่ในประเทศที่บริการอินเทอร์เน็ตดีกว่าเกาหลีเหนือเพื่อปิดบังร่องรอย และมีความเป็นไปได้ว่า คนเหล่านั้นปลอมตัวเป็นพนักงานอยู่ในบริษัทการค้า สาขานอกประเทศของบริษัทเกาหลีเหนือ หรือโครงการร่วมทุนในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

             เริ่มแรกเกาหลีเหนือใช้การแฮกเป็นเครื่องมือสอดแนม ก่อนพัฒนามาเป็นการล่วงละเมิดทางการเมืองต่อเกาหลีใต้และอเมริกา และมาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังกรณีโซนี่ ด้วยการใช้การเจาะระบบเป็นกิจกรรมสนับสนุนการก่ออาชญากรรมเพื่อสร้างรายได้ในรูปเงินตราสกุลแข็ง
       
             กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในรายงานที่ส่งให้รัฐสภาเมื่อปีที่แล้วว่า เกาหลีเหนือมีแนวโน้มมองไซเบอร์เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุน ที่สามารถใช้ได้โดยมีความเสี่ยงถูกตอบโต้กลับน้อยมาก โดยที่แฮกเกอร์เหล่านี้มีแนวโน้มใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตจากประเทศที่สาม ขณะที่ อัน ชองกี ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ที่ระบุมีหลักฐานสำคัญว่า เกาหลีเหนือกำลังทำการโจมตีทางไซเบอร์ผ่านทางประเทศที่สามเพื่อปิดบังต้นทางของการโจมตี และใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของตนเอง โดยนอกจากการปล้นแบงก์ชาติบังกลาเทศแล้ว เกาหลีเหนือยังเป็นผู้ต้องสงสัยโจมตีธนาคารในฟิลิปปินส์ เวียดนาม และโปแลนด์

 

ยูนิต180  อาวุธลับของเกาหลีเหนือ ประสิทธิภาพร้ายแรงกว่าขีปนาวุธหลายเท่า จนทำให้ตะวันตกยังสะท้าน (มีคลิป)
       
            เกาหลีเหนือแฮกคอมพิวเตอร์กว่า 140,000 เครื่องของบริษัทและหน่วยงานรัฐบาลของเกาหลีใต้ รวมทั้งยังแอบฝังรหัสประสงค์ร้ายเพื่อปูทางสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ต่อศัตรูในอนาคต
    

            ยูนิต180 เป็นหนึ่งในกลุ่มการสู้รบทางไซเบอร์ชั้นนำของหน่วยงานด้านข่าวกรองเกาหลีเหนือ โดยมีการคัดสรรบุคลากรจากโรงเรียนมัธยมปลายเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมชั้นสูงในสถาบันชั้นนำบางแห่ง หน่วยงานนี้มีอิสระในการปฏิบัติภารกิจในระดับหนึ่ง รวมทั้งเป็นไปได้ว่า อาจปฏิบัติการโจมตีจากโรงแรมในจีนหรือยุโรปตะวันออกเจ้าหน้าที่ระบุแม้ยังไม่มีพยานหลักฐานว่า เกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลัง WannaCryแต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า เกาหลีเหนือคือภัยคุกคามร้ายแรงทางไซเบอร์อย่างแท้จริง
       
            ดมิทรี อัลเปอโรวิตช์ ผู้ร่วมก่อตั้ง CrowdStrikeบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดังของสหรัฐฯ ทิ้งท้ายว่า ศักยภาพของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือดีขึ้นตลอดเวลา และมีความเป็นไปได้ว่า สามารถสร้างความเสียหายต่อเครือข่ายของเอกชนหรือรัฐบาลสหรัฐฯ