พวกหากินกับความเชื่อ !!! ตัวแทนผู้ปฏิบัติธรรมร้องDSI ถูกกลุ่มแอบอ้างเอาธรรมะบังหน้าชวนลงทุนบิทคอยน์ หวั่นเป็นแชร์ลูกโซ่

พวกหากินกับความเชื่อ !!! ตัวแทนผู้ปฏิบัติธรรมร้องDSI ถูกกลุ่มแอบอ้างเอาธรรมะบังหน้าชวนลงทุนบิทคอยน์ หวั่นเป็นแชร์ลูกโซ่

ผู้ปฏิบัติธรรม ร้องดีเอสไอ ถูกชวนร่วมลงทุนบิทคอยน์ อ้างผลผลแทนสูง หวั่นเป็นแชร์ลูกโซ่ 

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 21 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) น.ส.เจริญภร อันประนิตย์ อายุ 56 ปี ตัวแทนผู้ปฏิบัติธรรมวัดป่ากล้วย จ.อุตรดิตถ์ เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มชักชวนให้ร่วมลงทุนทางการเงินเกี่ยวกับบิทคอยน์ (bitcoin) ได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากธนาคารหลายเท่าตัว โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับหนังสือแทน

น.ส.เจริญภร กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาในรูปของนักปฏิบัติธรรมและชักชวนผู้ปฏิบัติธรรมให้ร่วมลงทุนทางการเงินเกี่ยวกับบิทคอยน์ขั้นต่ำ 1,000 บิทคอยน์ หรือ 38,000 บาท และจะได้รับเงินปันผลหลังจากลงทุนแล้ว 300 วัน ยิ่งผู้ลงทุนชวนสมาชิกมาฝากเงินมากเท่าไหร่ จะยิ่งได้รับผลประโยชน์ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ชักชวนยังได้แอบอ้างพระคุณเจ้าระดับสูงที่ผู้ปฏิบัติธรรมเคารพนับถือ และธนาคารกรุงไทยว่าให้การสนับสนุนการลงทุนฝากเงินบิทคอยน์ ทำให้เข้าใจว่าเป็นการลงทุนเกี่ยวกับสถาบันการเงินของรัฐ และได้ผลตอบแทนสูงกว่าธนาคารอื่นหลายเท่า เป็นเหตุให้เชื่อมั่นและคิดว่าเป็นการลงทุนฝากเงินที่ไม่มีความเสี่ยง แต่เมื่อสอบถามไปที่พระคุณเจ้าก็บอกว่าไม่ทราบเรื่อง 

"ตนก็ถูกชักชวนแต่ยังไม่ได้ร่วมลงทุน แต่มีผู้ปฏิบัติธรรมในจ.อุตรดิตถ์ จ.ปทุมธานี และจ.เชียงใหม่ที่ร่วมลงทุนแล้วประมาณ 700-800 คน แต่ละรายต้องซื้อ bitcoin อย่างต่ำ 1,000 เหรียญ คาดว่ามูลค่าความเสียหายมากว่า 30 ล้านบาท 
 

เมื่อได้เงินปันผลคืนก็จะถูกชักชวนให้นำเงินมาลงทุนเพิ่ม โดยบางคนลงทุนฝากเงินหลักหมื่น แต่ได้ผลตอบแทนหลายล้านบาท ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ จึงขอให้ดีเอสไอตรวจสอบว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่" น.ส.เจริญภร กล่าว

 พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบคำร้องเบื้องต้นเป็นการแจ้งเบาะแส  ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนว่าการทำธุรกิจเป็นอย่างไร และดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายอะไร