ยังไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่!!! สตม.รวบแก๊งไนจีเรีย ปลอมแปลงวีซ่าไทยและขอเอกสารไปจดทะเบียนหญิงไทยร่วม 100 ราย (มีคลิป)

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21 มิ.ย.60 พล.ต.ท.ณัฐธร  เพราะสุนทร ผบช.สตม. นายชาตรี  อรรจนานันท์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการกงศุล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สตม.นำกำลังจับกุมแก๊งไนจีเรียผู้ปลอมแปลงแผ่นวีซ่าของไทย เป็นชายชาวไนจีเลีย จำนวน 10 คน จับกุมได้ที่ภายในกรมการกงศุล ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม.

 

พล.ต.ท.ณัฐธร  เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่า นโยบายด้านความมั่นคง ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ สตม. ตรวจสอบชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และที่มาก่อเหตุอาชญากรม ทาง สตม.จึงจับตามองขบวนการปลอมแปลงเอกสารวีซ่า มาตั้งแต่ เดือน ก.ย.59  ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีชาวไนจีเรียเดินทางมาติดต่อขอรับเอกสาร หนังสือ รับรองความเป็นโสด เพื่อนำไปจดทะเบียนกับหญิงไทย  ต่อกงการกงศุล  จำนวนเป็น 100 ราย ซึ่งผิดปกติอย่างมาก และพบว่าที่มาขอเอกสารไปนั้น ต้องการนำไปยื่นขอจดทะเบียนสมรสกับสาวไทย แต่ไม่ได้อยู่กันจริง เพื่ออำพรางสิทธิในการอยู่ประเทศไทยต่อไป 

ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า จากการสัมภาษณ์หญิงไทยที่รับจดทะเบียนสมรสกับชาวไนจีเรีย ทราบว่าส่วนใหญ่รู้จักกันทางโซเชียลมีเดีย ที่ยินยอมเพราะเห็นแก่เงินค่าจ้างจำนวน 5,000 บาท และจากการตรวจสอบแผ่นปะวีซ่า ยังพบว่าเป็นของปลอม ส่วนใหญ่ที่ใช้ปลอมมักเป็นชาวไนจีเรีย โดยสันนิษฐานว่าอาจรู้จักกับคนไทย ร่วมกันปลอมแปลงขึ้นมา ซึ่งหลังจากนี้จึงหามาตรการเข้มตามด่านต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป  และตรวจสอบเอกสาร คนที่มาอยู่ก่อนว่าถูกต้องเพียงใด

นอกจากนั้นยังพบว่ามีหลายคนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่น ยาเสพติด แก๊งเงินดำ แก๊งโรแมนสแกรม ที่ใช้โซเชียล ป้อนคำหวานหลอกลวงสาวไทยให้โอนเงินให้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศษฐกิจ และความมั่นคง  โดยทั้ง 10 คนนี้เบื้องต้นจะถูกจับข้อหา ปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ นำส่งพนักงานสอบวน สตม.ดำเนินคดี ต่อไป โดยยังจะเดินหน้าแก้ปัญหาคนต่างชาติผิดกฏหมายอย่างจริงจัง ทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ ร่วมมือใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อป้องกันการเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรม จะขยายผลกระบวนการปลอมแปลงเอกสาร ที่มีส่วนรู้เห็นความผิดของชาวต่างชาติ อย่างเข้มงวดต่อไป