- 22 มิ.ย. 2560
วันนี้22 มิ.ย.60รายการทีนิวส์สด ลึก จริง นำเสนอกรณี "ยิ่งลักษณ์" น้ำตาไหลกลางวงสัมภาษณ์ในงานบุญวันเกิด
เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 50 พอดิบพอดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในช่วงเช้าได้ไปทำบุญวันเกิดที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารโดยมีนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยและญาติสนิทมิตรสหายและแหนคลับไปร่วมกันอย่างคับคั่ง
เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาถึงได้ไปปักต้นผ้าป่า ก่อนจะเดินขึ้นภูเขาทองเพื่อสักการะพระธาตุ โดยระหว่างทางเดินขึ้นได้แวะตีฆ้องชัยสามครั้งและตีระฆังเพื่อเป็นสิริมงคล และได้เข้ากราบสักการะองค์พระประธานประจำพระธาตุ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นผู้สร้างถวายไว้ จากนั้นถวายผ้าป่าและถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์จำนวน 9 รูป จากนั้นเดินขึ้นถวายผ้าห่มพระธาตุโดยได้ทำประทักษิณเดินวนรอบพระธาตุ 3 รอบ ทั้งนี้ภายหลังถวายผ้าห่มพระธาตุน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมา
ไม่เพียงเท่านั้นภายหลังจากการทำบุญเสร็จแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตาม และเราก็ได้เห็นน้ำตาของเธออีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้ถึงขั้นมีอาการสะอึกสะอื้นออกมาเป็นระยะๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ว่า ไม่ได้เป็นปีแรกที่พบเจอปัญหาอุปสรรค วันเกิดปีนี้คงใกล้จะถึงเรื่องที่หนักหนาของชีวิต ที่เราต้องสร้างพลังใจของเราให้เข้มแข็ง หลายครั้งที่เห็นว่าเรายิ้มได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะระงับความรู้สึกได้ ต้องขอโทษที่ทำให้เห็นน้ำตาในวันนี้ ซึ่งได้พยายามอย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นห่วง แต่ก็เป็นเหตุสุดวิสัย ตนพยายามที่จะเข้มแข็ง และเชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ตนสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆได้
หลังจากนั้นในช่วงเที่ยง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิด โดยมีครอบครัว ญาติพี่น้องบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรคเพื่อไทย รวมถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงาน ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป่าเทียนเค้กวันเกิดพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนที่มาร่วมงาน ว่า "ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน น้อมรับทุกพร ทุกกำลังใจ อยากจะส่งกำลังใจไปให้พี่ชายด้วย เชื่อว่าท่านอยากมาร่วมงานด้วย เชื่อว่าเราจะมีโอกาสมีโชคดี ส่งกำลังใจไปให้พี่ชายด้วย"
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่พูดไปช่วงเช้าว่าอยากมีโอกาสมาร่วมทำบุญด้วยกันอีกในปีหน้าในประเทศนี้ ซึ่งมีการตีความกันว่าจะไม่อยู่ในประเทศอีกว่า อันที่จริงแล้วคือต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชน โดยเราอยากมีโอกาสมาร่วมทำบุญด้วยกันอีกในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ไปตีความไปแบบนั้นเลย เท่านี้ก็หนักพอแล้ว เราทุกคนต่างมีความหวังแม้ความหวังนั้นจะมีเพียง 1% ก็ตาม ขออย่าซ้ำเติมกันอีกเลย
ส่วนเรื่องการหลั่งน้ำตาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น ครั้งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่เราได้เห็นน้ำตาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ปรากฏหยดน้ำตาให้ได้เห็นต่อสาธารณชน มาแล้วถึง5 ครั้ง ซึ่งยังได้ไม่รวม การร้องไห้ทั้งหมดภายหลังพ้นจากตำแหน่ง
ล่าสุดการออกมาร้องไห้ในครั้งนี้ ประเด็นสำคัญ ต้องกลับไปโฟกัสที่คำพูดตัดพ้อของตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ว่า “หวังว่าจะได้มีโอกาสได้ขอบคุณด้วยตนเองและมีโอกาสกลับมาทำบุญด้วยกันอีก”
ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีโครงการจำนำข้าวที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่กำลัง จะสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายและคาดว่าจะมีการตัดสินคดีในเดือนกันยายนหรือตุลาคม 2560 นี้ซึ่งนั่นเท่ากับว่าชะตากรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่จะชี้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย มีระยะเวลาเพียงสามสี่เดือนเองเพราะคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คำพิพากษาออกมาทางไหนก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดไม่มีการอุทธรณ์ไม่มีการฎีกาอีกแล้วหากศาลพิพากษาว่าไม่ผิดก็ถือเป็นที่สุดแต่ถ้าพิพากษาว่าผิดและต้องโทษจำคุกก็ต้องติดคุกเลย
อย่างไรก็ตามในแง่ของดวงชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องมาตรวจสอบกันเสียหน่อยว่านับจากนี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ในมุมมองของฟองสนาน จามรจันทร์ ซึ่งได้เคยกล่าวถึง ดวงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า อยู่ในเกณฑ์ชะตาที่มีแนวโน้ม เหมือนคนหลุดรอดจากอาญาแผ่นดินวินาทีสุดท้าย เพราะว่ามีดวงพระพุทธเด่นมาก เชื่อว่าดวงด้านคดีความ ดีกว่าพี่ชาย แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป จนถึง 2 ปีครึ่ง จะทุกข์หนักเรื่องเงิน แต่จะโดนเท่าไหร่เท่านั้น เท่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจุดอ่อนคือ รักญาติพี่น้อง สร้างปัญหาให้ตัวเอง ส่วนเรื่องว่าจะกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้