เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่

เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่

วันนี้ (28 มิ.ย. 2560) เวลา 13.30 น. นายซีมอน  โรเดด (H.E. Mr. simon Roded) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตฯ และขอบคุณที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศมาตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับความสัมพันธ์ไทยและอิสราเอลนั้นมีมายาวนานกว่า 63 ปี และทั้งสองฝ่ายได้มีการจัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อปี 2557 นายกรัฐมนตรีเห็นว่าจากความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งสองฝ่ายยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือด้านต่างๆได้อีกมากเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า รู้สึกประทับใจในอัธยาศัยและรอยยิ้มของคนไทย และยินดีที่ไทยและอิสราเอลมีการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางด้านต่างๆมาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนอิสราเอลมาโดยตลอด

 

เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมในความก้าวหน้าของอิสราเอลทางด้านเทคโนโลยี ด้านการเกษตร ด้านการแพทย์ ด้านการสื่อสาร การบริหารจัดการน้ำ อัญมณี และความเชี่ยวชาญในเรื่องด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไทยประสงค์ได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญจากอิสราเอลมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลอิสราเอลได้ให้การดูแลแรงงานไทยไทยในอิสราเอลเป็นอย่างดี และยินดีที่ทราบว่า การเดินทางเยือนอิสราเอลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ประสบความสำเร็จ

 

เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่

สำหรับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตฯ ยินดีที่ไทยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-อิสราเอล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2560 นายกรัฐมนตรีหวังว่าเอกอัครราชทูตฯ จะได้ช่วยติดตามเรื่องนี้ต่อไปเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าอิสราเอลจะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนอิสราเองเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยขณะนี้ รัฐบาลมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) หวังว่านักลงทุนอิสราเอลจะสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว ทางด้านเอกอัครราชทูตฯ แสดงความชื่นชมนโยบาย Thailand 4.0 ที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม อิสราเอลสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายนี้ของรัฐบาลไทย

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรให้เอกอัครราชทูตฯ ประสบความสำเร็จในอนาคต และหวังว่าเอกอัครราชทูตฯ จะยังคงช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิสราเอลและยังคงระลึกถึงอัธยาศัยและรอยยิ้มของคนไทยต่อไป และหากเอกอัครราชทูตฯ มีคำแนะนำใดๆ ขอให้ประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลไทยยินดีรับฟัง

 

เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากหน้าที่