ถูกใจโลกโชเซียลไหม!! มติเอกฉันต์ 190 เสียง สนช.ลงมติรับหลักการ เซตซีโร่ "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" ยกชุด!! หลังคะแนนโหวตขาดลอย??

ถูกใจโลกโชเซียลไหม!! มติเอกฉันต์ 190 เสียง สนช.ลงมติรับหลักการ เซตซีโร่ "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" ยกชุด!! หลังคะแนนโหวตขาดลอย??

ที่รัฐสภา ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง เป็นประธาน ได้มีมติ 190 คะแนนรับหลักการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ในวาระแรกตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้เสนอ พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 24 คนเพื่อพิจารณาให้เสร็จภายใน 45 วัน  โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ การกำหนดให้มี กสม.จำนวน 7 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว 

ทั้งนี้ กสม.จะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ในด้านต่างๆ จํานวน 5 ด้าน อย่างน้อยด้านละ 1 คน แต่เกิน 2 คนไม่ได้ ได้แก่ 

1.ด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี 

2.ด้านการสอนหรือทํางานวิจัยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในระดับอุดมศึกษามาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี 

3.ด้านกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ

 4.ด้านการบริหารงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี 

 5.ด้านปรัชญา วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของไทยเป็นที่ประจักษ์ที่จะยังประโยชน์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี


ในส่วนอำนาจหน้าที่ของกสม.นั้น มาตรา 34 กำหนดให้เมื่อความปรากฏต่อ กสม. ไม่ว่าโดยทางใด ไม่ว่าจะมีผู้แจ้งหรือผู้ร้องเรียนหรือไม่ก็ตามว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นให้คณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและทำความจริงให้ปรากฏโดยไม่ล่าช้า และต้องศึกษาและวิเคราะห์ให้ทราบถึงสาเหตุของการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาและป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องนั้นหรือลักษณะเดียวกันนั้นขึ้นอีก

เช่นเดียวกับมาตรา 37 กำหนดให้ กำหนดให้ในกรณีที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่องใดเป็นความผิดอาญา และผู้เสียหายไม่อยู่ในฐานะที่จะร้องทุกข์หรือกล่าวโทษด้วยตนเองได้ให้ กสม. หรือผู้ซึ่ง กสม.มอบหมายมีอำนาจร้องทุกข์หรือกล่าวโทษได้ นอกจากนี้ ในมาตรา 38 ยังบัญญัติให้ กสม. ผู้ใดพบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะเป็นภยันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่มีทางเยียวยาได้ในภายหลัง กสม. ผู้นั้นอาจแจ้งให้หน่วยงานของรัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายตามหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานนั้นได้แล้วแจ้งให้ กสม. ทราบ

นอกจากนี้ ในมาตรา 38 ยังบัญญัติให้ กสม. ผู้ใดพบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจําเป็นต้องดําเนินการโดยเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะเป็นภยันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่มีทางเยียวยาได้ในภายหลัง กสม. ผู้นั้นอาจแจ้งให้หน่วยงานของรัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายตามหน้าที่และอํานาจของหน่วยงานนั้นได้แล้วแจ้งให้คณะกสม.ทราบ

ขณะที่บทเฉพาะกาลในมาตรา 60 กําหนดให้ประธาน กสม. และกรรมการ กสม. ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับพ้นจากตําแหน่งนับแต่วันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ แต่ให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธาน กสม. และกรรมการ กสม. ที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่

ทั้งนี้ ในการประชุม สนช. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ. ได้ชี้แจงหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม. และข้อสังเกตุของสมาชิก สนช. ถึงการเซตซีโร่กรรมการ กสม. ว่า องค์กร กสม. แตกต่างกับองค์กรอิสระอื่น เหตุผลสำคัญคือ กระบวนการสรรหาไม่เปิดกว้าง ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม กรรมการชุดนี้มาจากกฎหมายเดิม ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามเกณฑ์ จึงให้ต้องทำการสรรหาใหม่ทั้งหมด ยึดตามหลักการปารีส เดิมตามรัฐธรรมนูญ 2550 กสม. เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญแต่รัฐธรรมนูญ 2560 กสม.คือองค์กรอิสระ กรธ.จึงมองว่าอดีตกรรมการไม่สามารถเข้ารับการสรรหาอีกได้