ยังจำได้ไหม !!! ย้อนดูเหตุการณ์ "7ต.ค.51" บาดเจ็บ 500 ราย ...วันนั้นกับความดึงดันแถลงนโยบาย แลกกับเลือดเนื้อคนไทย (มีคลิป)

จากการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นอ่านคำแถลงปิดคดีสลายม็อบพันธมิตรที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสองราย เมื่อปี พ.ศ. 2551 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันศุกร์ ที่ 30 มิถุนายน 2560 ในคดีนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บังคับบัญชาการตำรวจนครบาล (จำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ) ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการสลายชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 7 ตุลาคม 2551

 

สำหรับเหตุการณ์การสลายชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 7 ตุลาคม 2551 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดกว่า500ราย และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ถึง 2รายด้วยกัน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราจะได้ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังกันอีกครั้งหนึ่งและ
หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  รัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย ได้ประกาศที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 7 ตุลาคม  2551 นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา ได้เรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลในเวลา 09.30 น.

ในขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ประกาศที่จะขัดขวางการเข้าประชุมของสมาชิกรัฐสภา เพื่อมิให้รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยการเคลื่อนมวลชนมาปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่ค่ำ6 ต.ค. 51  
เวลาประมาณ 01.40 น.  วันที่4 ต.ค. 51 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อนำมติคณะรัฐมนตรีมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยได้แจ้งต่อที่ประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ว่า ได้นำมติคณะรัฐมนตรี มาแจ้งว่า เช้าวันที่ 7 ต.ค. 51  เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการเปิดเส้นทาง ให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมให้ได้โดยเวลา 05.00 น. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ และ คณะรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ ควบคุมการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จนกระทั่งเช้าวันที่ 7 ต.ค. 51  ประมาณ 06.00 น. ปรากฏว่า มีการใช้แก๊สน้ำตา ชนิดยิงและขว้าง เพื่อผลักดันประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมปิดทางเข้ารัฐสภา ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีผู้บาดเจ็บขาขาด นิ้วเท้าขาดและน่องเป็นบาดแผลฉกรรจ์ด้วย 

ประมาณ 09.30 น. พล.อ. ชวลิต ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ต่อมานายสมชาย ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯได้เคลื่อนขบวนปิดล้อมประตูเข้าออกรัฐสภาทุกด้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลักดัน โดยใช้แก๊สน้ำตาจนเปิดทางได้แล้วนั้น ถูกกลุ่มพันธมิตรได้เข้ามายึดครองและปิดล้อมไว้อีกครั้งหนึ่ง 
ทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถออกจากที่ประชุมได้ 

และนายสมชาย ต้องปีนกำแพงออกด้านหลังซึ่งเป็นบริเวณเขตพระราชฐาน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเฮลิคอปเตอร์ รับตัวออกไปได้ 
จนถึงเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่แยกการเรือนเพื่อเปิดประตูปราสาทเทวริทธิ์ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาออกจากรัฐสภาได้

เมื่อ พล.ต.ต. เอกรัตน์  มีปรีชา ได้นำกำลังไปประจำบริเวณแยกซังฮี้ และนำกำลังเคลื่อนมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ก็พบกับกลุ่มพันธมิตร โดยมีนายวีระ สมความคิด เป็นแกนนำได้มีการเจรจาต่อรองให้กลุ่มพันธมิตร เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรับสมาชิกรัฐสภาออกมา
แต่กลุ่มพันธมิตรไม่ยอมเปิดทางให้ พล.ต.ต.เอกรัตน์ จึงได้ใช้กำลังเข้าผลักดัน โดยยิงแก๊สน้ำตา เข้ากลุ่มประชาชน ตั้งแต่เวลา 16.04 น จนถึงเวลา 17.00 น. โดยใช้แก๊สน้ำตาดังกล่าวปรากฏว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาจำนวนหนึ่ง 

ขณะที่มีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าประชาชนกลุ่มพันธมิตรที่แยกการเรือน ทำให้กลุ่มพันธมิตรจำนวนหนึ่ง หนีมาทาง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ด้านถนนราชสีมา และจะเดินทางผ่านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลด้านถนนศรีอยุธยา เพื่อกลับไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดและยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนกลุ่มพันธมิตร

เมื่อกลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลทราบเรื่อง จึงได้ประกาศให้ผู้ร่วมชุมนุมเดินทางไปที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อไปผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เปิดเส้นทางถนนศรีอยุธยา และเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณด้านหน้า กองบัญชาการตำรวจนครบาลและภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล

ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ  และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ขาขาด มือขาด นิ้วเท้าขาด และบาดเจ็บที่ต่าง ๆ จำนวนมาก