- 04 ก.ค. 2560
เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บรรดามิจฉาชีพ ได้เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ และก่ออาชญากรรม
ทุกวันนี้การซื้อขายสินค้าออนไลน์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงกลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บรรดามิจฉาชีพ ได้เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ และก่ออาชญากรรม ดังนั้นเพื่อไม่ให้ท่านต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เราจึงมีวิธีสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้
ทุกวันนี้การซื้อขายสินค้าออนไลน์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงกลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บรรดามิจฉาชีพ ได้เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ และก่ออาชญากรรม ดังนั้นเพื่อไม่ให้ท่านต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เราจึงมีวิธีสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้
พฤติกรรมที่น่าสงสัยและเข้าข่ายเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ มีดังนี้
- ขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดมากเกินไป
- หลอกล่อให้โอนเงินค่าสินค้าล่วงหน้าโดยไม่ให้หลักฐานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด
- เมื่อโอนเงินแล้ว ผู้ขายจะหายตัวไป ไม่รับโทรศัพท์ และปิดโทรศัพท์หนีในที่สุด
- เปลี่ยนชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ไม่ซ้ำกัน ทำให้ยากต่อการติดตาม
- นัดเจอเพื่อดูสินค้า แล้วขอรับสินค้าก่อนโดยอ้างว่าจะโอนเงินให้ภายหลัง
- ปลอม SMS จากทางธนาคาร เพื่อหลอกว่าโอนเงินให้แล้ว แต่แท้จริงยังไม่ได้โอนเงิน หรือหลอกว่าโอนเงินเกินให้ช่วยโอนเงินคืน
- อ้างว่าดีลฟิชเป็นคนกลางในการชำระเงิน ให้ผู้ขายแจ้งขอรับเงินจากดีลฟิช
- ปลอม SMS จากดีลฟิช อ้างว่าเป็น SMS การันตีว่าเป็นลูกค้าที่เชื่อถือได้ หรือ SMS ยืนยันว่าลูกค้ารายนี้ทำการโอนเงินแล้ว ซึ่งทางดีลฟิชไม่มีบริการ SMS ดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีมิจฉาชีพมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกลโกงไปเรื่อยๆ และมีความซับซ้อนยากที่จะป้องกันมากขึ้น ดังนั้นการนัดเจอเพื่อดูสินค้าและชำระเงินซึ่งหน้าจึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
ทำอย่างไรเมื่อถูกโกง
- บันทึกรายละเอียดของประกาศนั้น ไว้เป็นหลักฐาน โดยเซฟหน้าประกาศนั้นและ print ออกมาเป็นเอกสาร
- เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขที่บัญชีธนาคาร , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail , เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ
- แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า “ถูกฉ้อโกง” เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
- นำใบแจ้งความ ส่งให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อขอหมายเลข IP ของมิจฉาชีพ (หมายเลข IP สามารถใช้แกะร่องรอยและขยายผลในการจับกุมได้)
- นำเอกสารข้อ 1-4 ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท้องที่ที่แจ้งความ เพื่อออกหมายจับ และพาไปจับกุมตัว หรือ ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (http://www.tcsd.in.th)
คำแนะนำ : ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า “ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด” อย่าแจ้งเพียงว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน (ถ้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเฉยๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเพิกเฉย เพราะถือว่าการแจ้งแบบนี้แปลว่าเจ้าทุกข์จะดำเนินการทางศาลด้วยตนเอง)
ข้อสังเกต พฤติกรรมการหลอกให้โอนเงิน
1. โอนเงินแล้วไม่ส่งสินค้า หรือให้โอนครึ่งหนึ่งของราคาสินค้า
2. ผู้ขายจะแจ้งว่าส่งของ (กล่องเปล่า) ให้ทางไปรษณีย์แล้ว และให้ผู้ซื้อทำการตรวจสอบรหัส EMS ผ่านเว็บไปรษณีย์ไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ซื้อได้เช็ครหัส EMS และโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ต้นทางแล้วยืนยันว่าผู้ขายส่งของจริง ทำให้ผู้ซื้อหลงเชื่อและโอนเงินไปให้ พอได้รับกล่องพัสดุจริงๆ จะเป็นกล่องเปล่า
3. ส่งสินค้าที่ไม่ตรงตามที่ลงขายไว้
ไม่อยากถูกโกง ควรอ่าน!
-
ก่อนทำการซื้อ-ขาย ควรขอข้อมูลจากผู้ขาย เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ เลขที่บัตรประชาชน และเลขที่บัญชี พร้อมทั้ง ชื่อบัญชี ภาษาไทย + ภาษาอังกฤษ ให้ชัดเจน เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปค้นหาใน Google ดูว่ามีฟีดแบ็คจากผู้อื่นแจ้งเตือนไว้หรือไม่หากเคยมีการโกงไว้ในเว็บอื่นๆ จะเห็นผู้ซื้อคนอื่นๆ โพสต์เตือนเอาไว้ เป็นข้อมูลเล็กน้อยที่เราจะสามารถตรวจสอบได้ก่อนโอนเงิน
-
ถ้าต้องโอนเงินให้ก่อน ควรขอเบอร์โทรศัพท์บ้านของผู้ขาย และโทรเช็คว่ามีตัวตนอยู่จริง
-
กรณีอ้างว่าเป็นร้านค้า ให้ขอหลักฐาน เบอร์โทรศัพท์ของร้าน ทะเบียนการค้า หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นการยืนยันว่าเป็นร้านค้าจริง ๆ
-
ถ้าชื่อบัญชีไม่ตรงควรระวังและตรวจสอบข้อมูลจากผู้ขายโดยละเอียด ให้ขอเบอร์โทรบ้าน และโทรเช็คก่อนทุกครั้ง
*** ข้อมูลข้างต้นเป็นคำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงถูกโกงเท่านั้น เพราะไม่มีวิธีการใดๆ ที่จะรับรองได้ 100% ***