“คิม จองอึน” กร้าว ไม่คุยกับสหรัฐฯ เดินหน้าทดลองขีปนาวุธต่อไปขณะที่ ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กร้าว พร้อมใช้กำลังทหาร จัดการเกาหลีเหนือ


สำนักข่าวเคอาร์ทีของทางการเกาหลีเหนือรายงานภาพคิม จองอึนไปตรวจเยี่ยมการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป คิม จองอึนได้ประกาศว่าจะไม่ยอมเจรจากับสหรัฐฯเพื่อยุติการพัฒนาอาวุธ จนกว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกการใช้นโยบายอันเป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือก่อน 

 
เกาหลีเหนือเผยภาพถ่ายของคิม จองอึน ผู้นำประเทศ ขณะไปตรวจเยี่ยมการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็มเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และว่า การทดสอบดังกล่าวประสบความสำเร็จด้วยดี นอกจากนี้ ยังมีการเผยภาพคลิปวิดีโอเผยให้เห็นการยิงขีปนาวุธดังกล่าว พร้อมระบุว่า ไอซีบีเอ็มลูกล่าสุดที่พัฒนามานี้ สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ได้ด้วย  
คิม จองอึน ได้ประกาศว่า ทางการเกาหลีเหนือจะไม่เจรจากับสหรัฐฯ เพื่อยอมแพ้ในเรื่องการพัฒนาอาวุธอย่างแน่นอน จนกว่าสหรัฐฯจะยอมยกเลิกนโยบายอันเป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือเสียก่อน  

ขณะที่กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ออกมาเปิดเผยวันนี้ ยืนยันว่าเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็มจริง แต่ยังไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ได้ว่ามีศักยภาพมากพอที่จะทะลุชั้นบรรยากาศขึ้นไป และกลับลงมาอีกครั้ง ดังนั้นทางกระทรวงจึงปฏิเสธที่จะสรุปว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปหรือไม่  

      
ขณะที่ทางด้านนางนิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่า การกระทำของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ พร้อมที่จะปกป้องตนเอง รวมถึงชาติพันธมิตร
       

ทูตหญิงสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการควบคุมพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ
ขณะที่ทางด้านดานา ไวท์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้อ้างถ้อยแถลงของ พลเอกเจมส์แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวขณะหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะคุ้มกันญี่ปุ่นจากภัยคุกคามภายนอก และพร้อมขยายมาตรการป้องปรามด้วยศักยภาพทั้งหมดที่สหรัฐฯ มีอยู่
       
       คำยืนยันของ พลเอกเจมส์แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ  ต่อ โทโมมิ อินาดะ มีขึ้นระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ หลังกองทัพเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปสำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งการเปิดตัวขีปนาวุธ ICBM นับว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของโครงการขีปนาวุธเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า จรวดรุ่นนี้สามารถเดินทางไปถึงอะแลสกา ฮาวาย หรือแม้กระทั่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ
       
ขีปนาวุธ “ฮวาซอง-14” สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นโจทก์ท้าทายที่สุดสำหรับประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ซึ่งเคยให้สัญญาว่าจะขัดขวางไม่ให้เกาหลีเหนือส่งขีปนาวุธมาโจมตีอเมริกาได้สำเร็จ โดยผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนแสดงบทบาทผู้นำกล่อมเกาหลีเหนือให้ละทิ้งความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์
       


นักการทูตหลายคนยอมรับว่า ที่ผ่านมาจีนไม่ได้ตั้งใจคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง และยังขัดขวางไม่ให้ยูเอ็นใช้วิธีลงโทษสถานหนัก เช่น ห้ามขนส่งน้ำมัน (oil embargo), แบนสายการบินและแรงงานเกาหลีเหนือหรือใช้บทลงโทษกับธนาคารจีนและบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจกับเกาหลีเหนือ
       
ขณะที่ทางด้านสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อบริษัทจีนที่ทำธุรกิจกับเกาหลีเหนือโดยเฉพาะสถาบันการเงิน
       
แต่ในกรณีล่าสุดนี้ ทางด้านหลิว เจียอี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงว่า การยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปถือว่าละเมิดมติยูเอ็นอย่างร้ายแรง และเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น หลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุหรือถ้อยคำเกรี้ยวกราด แสดงเจตนารมณ์ที่จะเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข และร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อลดความตึงเครียด