- 12 ก.ค. 2560
การป้องกันประเทศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาเอาไว้ซึ่งอธิปไตย และอาณาเขตของประเทศ ดังนั้นสิ่งที่จำต้องทำก็คือการเสริมแสนยานุภาพของกองทัพ
การป้องกันประเทศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาเอาไว้ซึ่งอธิปไตย และอาณาเขตของประเทศ ดังนั้นสิ่งที่จำต้องทำก็คือการเสริมแสนยานุภาพของกองทัพให้มีความพร้อมอยู่เสมอ คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ งบประมาณในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงของสรุป งบประมาณในการจัดซื้อ สมัยของ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันนี้ พบว่าได้มีการตั้งโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ประกอบด้วย
กองทัพบก
– ปี 2558 รถถังหลัก VT-4 จากจีน 28 คัน 4,985 ล้านบาท
-ปี 2559 เฮลิคอปเตอร์ Mi-17VS จากรัสเซีย 2 ลำ 1,698 ล้านบาท
-ปี 2559 เฮลิคอปเตอร์ Mi-17VS จากรัสเซีย 4 ลำ 3,385 ล้านบาท
-ปี 2560 รถถังหลัก VT-4 จากจีน 10 คัน 2,017 ล้านบาท
-ปี 2560 รถหุ้มเกราะล้อยาง แบบ VN1 จากประเทศจีน 34 คัน 2,300 ล้านบาท
-ปี2560 เฮลิคอปเตอร์ แบล็คฮอว์ก จากสหรัฐฯ 4 ลำ 3,000ล้านบาท
ล่าสุด จะซื้อรถถังหลัก VT-4 จากจีน อีก 11 คัน กว่า 2 พันล้านบาท
เท่ากับว่ากองทัพบก ซื้อรถถัง 38 คัน 7,002 ล้านบาท ,รถหุ้มเกราะล้อยาง 34 คัน 2,300 ล้านบาท , เฮลิคอปเตอร์ 10 ลำ 8,083 ล้านบาท
รวมแล้ว กองทัพบก ใช้งบไป 17,385 ล้านบาท
กองทัพเรือ
-ปี 2558 เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ไม่ระบุรุ่น 4 ลำ 490 ล้านบาท
-ปี 2559 เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ไม่ระบุรุ่น 5 ลำ 627ล้านบาท
-ปี 2559 เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง1 ลำ 5,482 ล้านบาท
-ปี 2560 เรือดำน้ำ S26T จากจีน 3 ลำ ราคา 36,000 ล้านบาท
สรุปคือ กองทัพเรือ ซื้อเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 10 ลำ 6,599 ล้านบาท ,เรือดำน้ำ 3 ลำ 36,000 ล้านบาท
รวมแล้ว ใช้งบไป 42,599 ล้านบาท
กองทัพอากาศ
– ปี 2558 เครื่องบินฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้น T-50TH จากเกาหลีใต้ 4 ลำ มูลค่า 3,750 ล้านบาท
– ปี 2560 เครื่องบินฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้น T-50TH ระยะที่ 2 จากเกาหลีใต้ 8 ลำ 8,997 ล้านบาท
รวมแล้ว ตลอดระยะเวลา ปี 2558-2560 กองทัพอากาศซื้อ เครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ 12 ลำ ใช้งบ 12,747 ล้านบาท
รวมตัวเลขงบประมาณ 3 ปี จำนวน 72,731 ล้านบาท