ชีวิตที่เหลือเชื่อของ...“อาคม”  ปาฏิหาริย์เด็กบ้านนอกจากความฝันสู่ความจริง  สร้างรถไฟดีๆให้คนยากคนจนนั่ง

ชีวิตที่เหลือเชื่อของ...“อาคม” ปาฏิหาริย์เด็กบ้านนอกจากความฝันสู่ความจริง สร้างรถไฟดีๆให้คนยากคนจนนั่ง


“ สมัยเด็กๆผมต้องมาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ  อดีตหลายสิบปีก่อนการคมนาคมไม่สะดวกการจะไปกลับจากกรุงเทพฯไปศรีสระเกษแต่ละทีลำบากมาก  เวลาผมมาเรียนที่กรุงเทพจะไปจะกลับบ้านทีก็ลำบาก  เราก็ลูกคนจนเงินไม่มีเต็มที่ก็ตือนั่งรถไฟชั้น 3 เพราะมันประหยัด แต่ก็ใช่ว่าจะสบาย ยิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์คนก็จะแน่นมากเพราะทุกคนอยากกลับบ้าน  ผมก็จะอาศัยนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯกลับศรีสระเกษ  แต่ถ้ามันขึ้นจากหัวลำโพงก็ไม่ได้เพราะคนมันแน่นมากอย่าว่าแต่ที่นั่งเลยทียืนยังไม่มี  ก็ต้องใช้วิธีนั่งรถประจำทางไปโคราช  ไปรอขึ้นรถไปต่อรถที่โคราชแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้นั่งก็ต้องยืนเหมือนกัน  คนจนๆคนไม่มีตังค์ก็ต้องให้ลูกหลานนั่งหรือนอนใต้เก้าอี้ พื้นที่นอนก็สกปรก  ผมเห็นแล้วสงสารเห็นแล้วเวทนา  ทำไมการเดินทางการนั่งรถไฟในเมืองไทยมันลำบากมันอัตคัตแบบนี้  ก็คิดในใจตอนนั้นว่าถ้ามีโอกาสเติบโตและได้มาทำงานที่เกี่ยวข้องจะทำเรื่องรถไฟทำเรื่องคมนาคมของไทยให้ดีกว่าเดิมให้ได้  เราต้องมีรถไฟดีๆให้คนยากคนจนให้ทุกคนนั่งให้ได้” อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ถ่ายทอดความหวังความฝันอันเรืองรองของเขาเรื่องสร้างรถไฟเสมอในทุกเวทีทุกครั้งที่เขามีโอกาสพูด  


 

อดีตเด็กบ้านนอกชาว จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นบุตรของนายงี้ยง แซ่จึง กับนางกิมเอง แซ่จึง  ใช้ชีวิตในวัยเด็กจนเรียนจบชั้นประถมฯที่รร.รวมสินวิทยาและม.ต้นที่รร.ศรีสะเกษวิทยาลัย   จากนั้นก็เบนเข็มมุ่งหน้าเข้ากรุงมาเรียนที่รร.อำนวยศิลป์ พระนคร และสอบเข้าคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ก่อนไปต่อปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ ที่วิทยาลัยวิลเลียม สหรัฐฯ  จากนั้นก็เข้ารับราชการครั้งแรกที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์  ถือเป็นลูกหม้อตัวจริงเสียงจริงของสภาพัฒน์เพราะเติบโตและนั่งในตำแหน่งสำคัญมาแล้วทั้งหมด  ไล่ตั้งแต่ ผอ.กองวิเคราะห์และประมาณการเศรษฐกิจ  ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและแผน  ผู้ช่วยเลขาฯสภาพัฒน์  รองเลขาฯสภาพัฒน์  ก่อนผงาดขึ้นเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ในปี พ.ศ.2553  เป็นมือขวาเป็นเงาข้างกายของ “แมวเก้าชีวิต” อย่างอำพน กิตติอำพน เดอะสเปเชี่ยลวันในแวดวงราชการไทยมานานหลายปี  ด้วยความที่สนิทสนมและรักกันอย่างที่สุดบ่อยครั้งอำพนมักกระเซ้าอาคมให้นักข่าวฟังว่าเป็นคนที่เก่งและดีกว่าเขามาก ไม่มีเครื่องมือใดมาชี้วัด แต่ทั้งคู่ก็ถูกจัดว่าเป็นคนเก่งเป็นหัวกะทิเป็นสุดยอดของข้าราชสีกากีอย่างแท้จริง
ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.เข้าทำการรัฐประหารควบคุมอำนาจ อาคมเป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือนเพียงไม่กี่คนที่ถูกคสช.ดึงตัวมาเป็นเสนาบดีร่วมครม.เรือแป๊ะ  ถ้าเขาไม่เก่งไม่ดีกึ๋นไม่ถึงจริงคงไม่สามารถแย่งโควต้าทหารจากบิ๊กๆท็อปบู้ตในกองทัพไปได้   ตอนนั้นอาคมถูกวางตัวให้มาเป็น “ราชรถ 2” ในกระทรวงหูกวางเพื่อตัวช่วย “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.ที่ถูกพล.อ.ประยุทธ์จิ้มให้มารองนายกฯควบรมว.คมนาคม  งานฉากหลักงานสนับสนุนอาคมทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องและตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เริ่มได้มาจับงานรถไฟงานพัฒนาระบบคมนาคมงานปรัยปรุงถนนหนทางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  แต่อาคมก็ยังไม่คิดว่าจะสามารถผลักดันโครงการรถไฟต่างๆ ทั้งความเร็วสูง ทั้งทางคู่  ทั้งรถไฟฟ้า ได้สำเร็จอย่างที่ฝัน  เพราะยังไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์และบิ๊กคสช.วางธงในเรื่องนี้อย่างไรเรยกว่ายังไม่ชัดแต่ก็เริ่มเห็นแสดงสว่างที่ปลายอุโมงค์เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ประกาศลั่นว่าจะมาปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและหนึ่งในนั้นก็คือการปรับปรุงคมนาคม     
 

ต่อมาในเดือนส.ค. พ.ศ. 2558  มีการล้างไพ่ปรับครม.ใหม่อาคมก็ได้รับการโปรโมทให้ขึ้นเป็น “ราชรถ 1”  เป็นฝันที่เขาไม่เคยคิดว่าเด็กบ้านนอกอย่างเขาจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้  ยิ่งไปกว่านั้นความฝันที่เคยวาดว่าอยากสร้างรถไฟคุณภาพดีๆให้คนยากคนจนนั่งก็ใกล้เข้ามา  และยิ่งใกล้แค่เอื้อมเมื่อพล.อ.ประยุทธ์มีการปรับครม.และดึงกูรูเศรษฐกิจอย่างสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาเป็นรองนายกฯ  และเป็นสมคิดนี้แหละที่เป็นคนมาจุดประกายมาผลักดันความฝันของคนไทยรวมถึงฝันของอาคมให้เป็นจริงๆ เกือบปีเศษที่อาคมเข้ามารับหน้าเสื่อยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  เขาผลักดันรถไฟฟ้าสายสีต่างๆในกรุงเทพฯและปริมณฑล รถไฟทางคู่ในต่างจังหวัด ให้สำเร็จบรรลุผลไปแล้วหลายเส้นทาง  ในส่วนของเมกกะโปรเจคต์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน  แม้หลายครั้งของการทำงานอาคมอาจจะเดินงานช้าไม่ทันใจสมคิดไปมากในหลายเรื่อง  แต่ก็เพราะเจ้าตัวอยากให้ทุกอย่างถูกต้องตามระบบราชการ  บ่อยครั้งนานวันก็ทำให้ไม่ถูกต้องตรงใจสมคิดจนมีข่าวระหองระแหงจะปลดพ้นเก้าอี้ลอยลมอยู่บ่อยๆ  แต่อาคมก็อาศัยความเป็นคนดีเป็นคนขยันเป็นคนมุ่งมั่นทำงานและรักษาผลประโยชน์ของประเทศบนพื้นฐานความถูกต้องเป็นทีเด็ดชนะใจสมคิด  ที่สุดทั้งคู่ก็กอดคอกันสร้างประวัติศาสตร์ทำคลอดรถไฟความเร็วสูงไทยจีนสำเร็จมาด้วยกัน  สมคิดก็สมหวังได้ทำรถไฟไทยจีนดันสยามประเทศก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนอย่างแท้จริง   ขณะที่อาคมก็สมฝันผลักดันรถไฟดีๆเบาะนุ่มๆ สะอาดๆ ให้คนจนคนยากได้นั่ง  เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริงยิ่งกว่าฝันแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น      
“ ผมยืนยันว่ารถไฟความเร็วสูงผลประโยชน์ทั้งหมดจะเป็นของคนไทย กู้เงินในไทย ใช้วัสดุไทย ใช้บริษัทไทย ใช้วิศวะไทยสนับสนุน  การรถไฟจะเป็นคนเดินรถ  สิทธิประโยชน์สองข้างทางจะเป็นของคนไทย จะมีการพัฒนาเมืองตามมาอีกมากในอนาคต และการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงในวันแรกที่ให้บริการ  คนขับรถไฟความเร็วสูงต้องเป็นคนไทยเท่านั้น  อนาคตคนยากคนจนคนต่างจังหวัดจะเข้าถึงและได้ใช้บริการรถไฟที่ดี ที่สะอาด ที่รวดเร็ว ที่ได้มาตราฐานเหมือนต่างชาติที่เขาพัฒนาแล้ว”  อาคมย้ำ  ส่วนรถไฟความเร็วสูงเมื่อแล้วเสร็จจะออกสวยหรูตามฝันเหลือไม่ อีก 4 ปีคนไทยก็รอพิสูจน์กัน