- 26 ก.ค. 2560
68 ปีทักษิณ 11 ปีที่เร่ร่อน 6 คดีความติดตัว เบิร์ธเดย์บนความทุกข์ระทม กับช่วงเวลาที่ต้องลุ้นชะตากรรม “น้องเขย-น้องสาว” รอดคดีหรือติดคุก
26 ก.ค.ของทุกปีอาจเป็นวันธรรมดาของใครหลายคน แต่วันนี้เป็นวันที่มีความหมายยิ่งของคนในตระกูล “ชินวัตร” ของนักการเมืองพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคพันธมิตรที่เคยร่วมกันมาแต่เก่าก่อน วันนี้ยังเป็นวันสำคัญสำหรับคนเสื้อแดง แนวร่วมนปช. รวมถึงบรรดารากหญ้ารากแก้ว
เพราะ 26 ก.ค.ของทุกปีเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายกฯนายใหญ่ ผู้นำประเทศที่ได้ชื่อว่ามากบารมี โลดโผน และอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนถูกถอดยศลดราคาเหลือแค่ “นายทักษิณ”
คนเดินดินธรรมดา ไม่มีใครปฏิเสธว่าทักษิณคือผู้นำประวัติศาสตร์บนสนามการเมืองไทย เพราะเป็นนายกฯคนแรกที่มาตามครรลองประชาธิปไตย หลังนำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปีพ.ศ. 2544 เป็นพรรคเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล
แถมยังสามารถนั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งสร. 1 บนตึกไทยคู่ฟ้าจนครบวาระ 4 ปี โดยไม่ชิงยุบสภาหรือประกาศลาออกแบบที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน แถมยังบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ต่อด้วยการชนะการเลือกตั้งในเวลาต่อมา ขึ้นเป็นนายกฯสมัย 2
ด้วยปรากฎการณ์นำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปีพ.ศ. 2548 แบบถล่มทลายท้วมท้นด้วยเก้าอี้ส.ส.มากสุดถึง 375 คน ขณะที่พรรคเก่าแก่ฝ่ายตรงข้ามยี่ห้อประชาธิปัตย์กวาดเก้าอี้ไปเบาๆแค่ 96 ตัว ชนิดแพ้ยับทั้งแผ่นดิน
ส่งผลให้พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่สถาปนาตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องง้อพรรคอันดับ เบ็ดเสร็จการเป็นนายกฯ 2 สมัยของทักษิณกินเวลายาวนานถึง 2048 วัน มากสุดเป็นอันดับ 5 ของผู้นำไทย คือตั้งแต่ 9 ก.พ.2544 ถึง 19 ก.ย.2549
ตลอดระยะเวลาที่ผงาดง้ำค้ำฟ้าโลดโผนอยู่ในยุทธจักรการเมือง ทักษิณได้ชื่อว่าเป็นนักการเมือง “เบอร์หนึ่ง” ในตองอู ร้อยปีจะมีคนแบบนี้สักคน เก่งครบเครื่อง ฉลาดหลักแหลม บู๊เก่งบุ๋นคล่อง เด็ดขาดในทีแต่ก็พร้อมยืดหยุ่นโอนอ่อนตามสถานการณ์ กล้าได้กล้าเสีย
เทอมแรกของการเป็นนายกฯ ทักษิณได้รับเสียงชื่นชมยกย่องสรรเสริญเป็นอยากมากชนิดไม่เคยมีนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งคนใดจะได้ความนิยมสูงลิ่วแบบเขา เพราะออกนโยบายแปลกๆใหม่ๆแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน จนครองใจชาวบ้านร้านตลาดมากมาย อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน แปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน พักหนี้เกษตรกร ฯลฯ
ความเป็นหนุ่มเนื้อทองของทักษิณวัดได้จากการลงพื้นที่ต่างจัดหวัดเวลาพบปะชาวบ้านระหว่าง “ทัวร์นกขมิ้น” คนแห่มาต้อนรับเป็นพันเป็นหมื่นรถติดยาวเป็นกิโลทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความคึกคักและตามมาด้วยความเจริญหากทักษิณเหยียบย่างไปถึง ความเก่งกาจและโดดเด่นของทักษิณถึงขนาดได้รับการยกย่องจากหลายสื่อให้เป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาปลดทุกข์ได้ยากให้คนไทย เป็นนักการเมืองดาวรุ่งแห่งเอเชีย เป็นสุดยอดผู้นำของอาเซียน แต่ทุกอย่างก็กลับตารปัตรเหมือน “ดาวตกจากฟ้า”
หลังชนะการเลือกตั้งรอบ 2 กลับมาเป็นนายกฯอีกคำรบ ทักษิณเริ่มลำพองอีโก้สูงไม่ฟังใคร ปล่อยปละละเลยให้เครือข่ายบริวารเครือญาติหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทำการก้าวล่วงมิบังควรหลายเรื่อง ใช้ความเฉลียวฉลาดแยบยลทุจริตเชิงนโยบาย ส่งเสริมให้ท้ายจนมีการโกงสารพัดโกง ฯลฯ
ที่สุดก็เป็นต้นเหตุให้จบชีวิตการเมืองสิ้นสุดการเป็นผู้นำประเทศแบบมัวหมองด่างพล้อย หลังถูก “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผบ.ทบ.และชาวคณะคมช.ลับลวงพรางซ้อนแผนรัฐประหารระหว่างอยู่ต่างประเทศ ด้วยเหตุผลฉกรรจ์ 4 ข้อ หมิ่นเบื้องสูง ฉ้อราษฎรบังหลวง ทำให้ประชาชนแตกแยก แทรกแซงองค์กรอิสระทำลายกระบวนการยุติธรรม ถูกยึดอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จเมื่อ 19 ก.ย.2549
11 ปีที่ลอยลมเคว้งคว้างอยู่ในต่างแดน นายทักษิณยังสามารถใช้ชีวิตหรูหราเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย ยุโรป เอเชีย อเมริกา ฯลฯ ทุกแห่งกลายเป็น “บ้าน” ให้ทักษิณหลับนอนได้หมด แต่บ้านที่เกิดบ้านที่แท้จริงอย่างเมืองไทยทักษิณไม่อาจกลับมาซุกหัวนอนได้ บนความเจ็บช้ำ 11 ปีดังกล่าวทักษิณถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 6 คดี ประกอบด้วย
1. คดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก
2.คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป
3.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว
4. คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาทให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร
5. คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท และ
6. คดีหมิ่นประมาทกองทัพบก เป็นต้น
มาวันนี้ทักษิณอาจฉลองวันเกิดอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลก แต่โอกาสที่จะกลับบ้านกลับมาตายรังในเมืองไทยถือว่าริบหรี่ลางเลือนเต็มที เพราะเมื่อฟ้าเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ตัวแปรเปลี่ยน สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เป็นธรรมดาที่เงื่อนไขต่างๆก็ย่อมเปลี่ยนตามไปด้วย
แถมผู้นำประเทศระหว่างนี้และคาดว่ายังจะอยู่ในตำแหน่งไปอีกหลายปีอย่าง“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดันเป็นคนแข็งโป๊กแถมเป็นไม้เบื่อไม้เมาตรงข้ามกับทักษิณมาตลอด ลำพังแค่เอาตัวเองกลับมาให้ได้ก็ถือว่าหนักหน้าแล้ว
แต่ล่าสุดวันเกิดปีนี้ทักษิณยังต้องมาลุ้นรอการชี้ชะตา “น้องเขยกับน้องสาว” ให้ปวดร้าวหัวใจอีกหลายคำรบ หลัง “นายกฯน้องเขย” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับ “นายกฯน้องสาว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เตรียมขึ้นเขียงคดีสำคัญในเดือนสิงหาคมนี้ ประกอบด้วย
คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯแต่ถูกฟ้องในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง “บิ๊กป้อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ถูกตั้งข้อหาสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี พ.ศ. 2551
โดยศาลกำหนดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น รวมถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ที่ถูกฟ้องฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ล่าสุดศาลนัดให้แถลงปิดคดีในวันที่ 1 ส.ค. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 ส.ค.นี้ ส่วนคดีแพ่งนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นมูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านบาท
พ.ศ.2560 ครบรอบ 68 ปีคราวนี้อาจจะถือเป็นปีแห่งการฉลองวันคล้ายวันเกิดที่ไม่ค่อยโสภานักของทักษิณ เพราะต้องฉลองวันเกิดบนความทุกข์ระทมหลังเป่าเค้กได้ไม่นานก็ต้องรอลุ้นคดีสำคัญของน้องเขยกับน้องสาวว่าจะรอดคดีหรือติดคุก โลกกว้างทางแคบของอดีตนายกฯนายใหญ่จริงๆ