มนุษย์เงินเดือนต้องรู้!!! ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งปรับหลักเกณฑ์สินเชื่อ บัตรเครดิตใหม่ เริ่ม 1 ก.ย. นี้

นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ได้เปิดเผยว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ที่จะมีผลบังคับใช้กับผู้ขอมีบัตรเครดิตหรือผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหม่ พร้อมทั้งปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ย. 60 นี้

 

สำหรับมาตรการสินเชื่อบัตรเครดิต ได้กำหนดวงเงินแก่ผู้ขอมีบัตรให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ตามรายได้ต่อเดือน โดยผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน จะได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ สำหรับผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป จะได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่า และผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะได้วงเงินไม่เกิน 5 เท่า และยังได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือร้อยละ 18 จากเดิมที่อยู่ร้อยละ 20 เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบันที่ต้นทุนทางการเงินต่ำลง

 

 

ขณะที่มาตรการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับได้ปรับวงเงินสินเชื่อแก่ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ และได้รับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 3 ราย สำหรับผู้มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยยังคงเพดานสูงสุดที่เดิม ซึ่งหลักเกณฑ์นี้จะมีผลต่อกลุ่มลูกหนี้รายใหม่ที่จะเข้ามาขอสินเชื่อ ส่วนผู้ใช้เดิมจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตใหม่จะมีผลต่อทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องปรับแก้หลักเกณฑ์ใหม่ เนื่องจากสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สวนทางกับความสามารถในการชำระหนี้ และทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ต้องให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคในกรณีที่ไม่ต้องการให้ติดต่อเพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ โดยต้องมีกระบวนการและดูแลให้เป็นไปตามความประสงค์ของลูกค้า และต้องให้สิทธิทางเลือกแก่ผู้ถือบัตรเครดิตที่จะขอรับเงินคืนผ่านช่องทางอื่น นอกเหนือจากการคืนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิต