นายกฯอาภัพ! ไม่เคยสัมผัสตึกไทยฯ เปิดปูม ‘เขยตระกูลชิน’ ก่อนชี้ชะตา 2 ส.ค.

นายกฯอาภัพ! ไม่เคยสัมผัสตึกไทยฯ เปิดปูม ‘เขยตระกูลชิน’ ก่อนชี้ชะตา 2 ส.ค.


ก่อนที่จะถึง 25 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ทุกคนใจจดใจจ่อว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำพิพากษาอย่างไร กับคดีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
มาดูจังหวะชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรี “สายชิน” อีกคนที่จะศาลฎีกาฯ จะมีคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.กันก่อนดีกว่า เพราะจะรู้ดำรู้แดงกันแล้วว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศ และพวก ประกอบด้วย “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ “น้องพี่ป้อม” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. จำเลยในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 จะลงเอยอย่างไร
เพราะทั้งที่เป็นอดีตนายกฯใน “สายชิน” เช่นเดียวกัน คดีกำลังจะตัดสินอยู่รอมร่อ เหตุใดจึงไม่ได้รับการจับตาเหมือนกับคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เหตุใดจึงไม่มีข่าวแฟนคลับจะเข้ากรุงมาให้กำลังใจ แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครกลัวว่าสมชายจะหลบหนีบ้าง

หรือเป็นเพราะทุกคนลืมไปแล้วว่า นายสมชายเคยเป็นนายกฯ!!!
จริงๆ แล้ว “สมชาย” ถือเป็นอดีตนายกฯใน “สายชิน” ที่ค่อนข้างอาภัพที่สุดก็ว่าได้ ไม่ค่อยมีแฟนคลับหรือได้รับความสนใจจากสังคมสักเท่าไหร่ คนมักจะรู้จักกันในฐานะสามีของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และน้องเขย “ทักษิณ ชินวัตร” กันเสียมากกว่า
“สมชาย” อาภัพอย่างไร คงเริ่มตั้งแต่การจับผลัดจับผลูไปนั่งเก้าอี้นายกฯ เนื่องจากนายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า ขัดคุณสมบัติ เนื่องจากไปจัดรายการ “ชิมไป บ่นไป” เมื่อปี 2551 ทำให้ “ทักษิณ” ต้องเข็นน้องเขย ที่ขณะนั้นนั่งตำแหน่งรักษาการรมว.ศึกษาธิการ เป็นนายกฯ โดยการโหวตแข่งกันในสภา เมื่อเดือนก.ย.51 โดยคู่ท้าชิงตอนนั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ที่ว่าอาภัพคือ ในช่วงการเฟ้นตัวของพรรคพลังประชาชนเพื่อหาผู้นำคนใหม่แทนนายสมัคร สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ได้สำรวจความเห็นประชาชนต่อตัวเต็งต่างๆ ภายในพรรค ปรากฏว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ขณะที่นายสมชาย ได้แค่ที่ 2  นั่นแสดงว่า เขาไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่
อีกความอาภัพคือ หลังได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ แล้ว รัฐบาลจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ปรากฏว่า ในวันที่ 7 ต.ค.51 กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ปิดล้อมรัฐสภา เพื่อกดดันไม่ให้แถลงนโยบาย เนื่องจากรัฐบาลขาดความชอบธรรม จนมีคำสั่งให้สลายการชุมนุม มีผู้บาดเจ็บล้มตาย และกลายมาเป็นคดีความที่จะตัดสินในไม่กี่วันนี้
แม้สลายการชุมนุมฯได้ แต่ “สมชาย” กลับไม่สามารถเข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้เลยสักครั้ง เพราะกลุ่มพันมิตรฯ ปิดล้อมทำเนียบฯไว้ตั้งแต่ครั้งขับไล่นายสมัคร จนต้องหนีไปนั่งทำงานอยู่ที่สนามบินดอนเมือง

ย้อนไปก่อนจะถึงวันที่ 7 ต.ค.51 ที่มีการนองเลือด หลังได้รับเก้าอี้นายกฯหมาดๆ “สมชาย” ได้พยายามต่อสายไปเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อหาทางหย่าศึก แต่ไม่เป็นผล
 “สมชาย” เป็นนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่เคยถูกผบ.เหล่าทัพ “ปฏิวัติออกอากาศ” มาแล้ว หลังได้รับเชิญไปออกรายการช่อง 3  เมื่อเดือนต.ค.51 ร่วมกับผบ.เหล่าทัพขณะนั้น ประกอบด้วยพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.พัชรวาท ผบ.ตร.
มีอยู่ตอนหนึ่งพิธีกรถามพล.อ.อนุพงษ์ว่า ถ้าเป็นนายกฯจะทำอย่างไร คำตอบที่ทำให้นายสมชายแทบช็อกคือ  “ผมก็คงออก จะอยู่ไปทำไม บ้านเมืองเสียหาย ผมไม่อยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ถ้าถามผม ผมไม่อยู่ ถ้าท่านทำจริง ท่านต้องไม่อยู่”
“สมชาย” เป็นนายกฯ ที่มาจากส.ส. ที่อยู่ในตำแหน่งได้สั้นที่สุด เพราะหลังจากได้รับเลือกเป็นนายกฯในกลางเดือนก.ย.51 ปรากฏว่า ในวันที่ 2 ธ.ค.51 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 5 ปี ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย เบ็ดเสร็จอยู่บนเก้าอี้แค่ 2 เดือนเศษๆ
ครั้นหลังพ้นโทษเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีแล้ว “สมชาย” ได้รับเลือกให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งปี 57 แต่การเลือกตั้งครั้งนั้นก็เป็นโมฆะ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ถือเป็นอดีตนายกฯที่อาภัพที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว
มีอีกเกร็ดหนึ่งทิ้งท้าย นอกจากในเดือนสิงหาคมจะเป็นเดือนที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่ตัวเองเป็นจำเลยแล้ว ยังเป็นเดือนเกิดของอดีตนายกฯ ผู้ไม่เคยเหยียบผืนหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย
อะไรมันจะพอดีกันขนาดนั้น