- 30 ก.ค. 2560
การออกกำลังกาย ด้วยวิธีง่ายๆ เเฝงไว้ด้วยประโยชน์มากมาย ที่หลายๆคนมักมองข้าม
การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นประเภทหรือในรูปเเบบใด ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีด้วยกันทั้งสิ้้น ในการช่วยดูเเลสุขภาพ สมรรถภาพทางร่างกาย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือวัยผู้สูงอายุ เเต่หากบางบุคคลที่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆ เเบบหักโหมได้ ก็มีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งง่ายมากๆ สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย เเละไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายใดๆ นั่นก็คือ การเดิน นั่นเอง ซึ่งในเเต่ละวัน มนุษย์ทุกคนก็ต้องเดินไปไหนมาไหนอยู่เเล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน หรือ ตามสถานที่ต่างๆ เเละที่สำคัญ การเดินจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อได้ เหมาะมากกับสาวสูงวัย หรือบุคคลที่มีปัญหากระดูก
การเดิน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ เดินช้า เดินเร็ว และเดินแข่ง เดินช้า คือ การเดินที่ยังร้องเพลงได้ เพราะผิวปาก ฮัมเพลงได้เพราะ หรือลากเสียงยาวๆ ได้ เช่น การเดินจงกรม เดินซื้อของ เดินเล่น เดินเร็วห่างไกลโรค
-เดินช้า คือ การเดินที่ยังร้องเพลงได้ เพราะผิวปาก ฮัมเพลงได้เพราะ หรือลากเสียงยาวๆ ได้ เช่น การเดินจงกรม เดินซื้อของ เดินเล่น
-เดินเร็ว หมายถึง การเดินเร็วติดต่อกันนานกว่า 10 นาทีต่อครั้ง เกินครึ่งชั่วโมงต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ คนปกติร่างกายแข็งแรงดี ควรเดินด้วยความเร็วได้ประมาณ 400-700 เมตร ในเวลา 6 นาที หรือเดินเร็วจนร้องเพลงไม่ได้ เพราะผิวปาก ฮัมเพลง ลากเสียงยาวๆ ไม่ได้ ถ้าเดินแล้วยังร้องเพลงเพราะ ลากเสียงยาวๆ ได้ แสดงว่ายังเดินช้าอยู่ ถ้าเดินเร็วจนพูดไม่เป็นคำ ไม่รู้เรื่องแล้ว ก็เป็นการเดินแข่ง(เดินเร็วไป)
- เดินแข่ง เป็นกิจกรรมทางกายอย่างหนัก คือ เดินเร็วจนกระทั่งพูดไม่เป็นคำ คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะหายใจหอบเหนื่อยมาก หายใจไม่ทัน สำหรับเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทนทาน ยืดหยุ่นให้ร่างกายผู้ที่ต้องการเดินเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคแห่งการพอกพูนสะสม การเดินเร็วก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเดินแข่ง วิ่ง เต้นแอโรบิคก็ได้
ประโยชน์ของการเดิน ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดหรือควบคุมน้ำหนัก ควบคุมระดับไขมัน คอเลสเตอรอลในเลือด และเพิ่มไขมันดี(แอชดีแอล) ในเลือด ช่วยป้องกันและรักษาโรคความดันสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกบาง กระดูกพรุน เพิ่มความแข็งแกร่งหรือทนทานของกล้างเนื้อ
นอกจากนี้ การเดินช่วยลดโอกาสเกิดโรคและช่วยรักษาโรคเบาหวาน ลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็ง และช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
แผนการเดินยังช่วยคลายเครียด ทำให้หลับสนิท ลดอาการซึมเศร้า ยิ่งถ้าเดินปรับทุกข์ เดินคุยกับเพื่อนที่รู้ใจ ช่วยให้คลายทุกข์ไปได้มาก ไม่ต้องพึ่งพาบุหรี่ สุรา บริโภควัตถุที่เป็นโทษหรือยาเสพติด เป็นต้น
นอกจากนี้ ข้อดีของการเดิน ยังมีอีกมากมาย อาทิ การเดิน 1 กิโลเมตร ช่วยเผาผลาญได้ถึง 60 แคลอรี่ การเดินช่วยทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลายความตึงเครีย ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน กำจัดไขมันส่วนเกิน
ลักษณะท่าทางการเดินที่ถูกวิธี
1. สายตามองตรงไปข้างหน้าขณะเดิน ศีรษะและลำตัวตั้งตรง ไหล่ทั้งสองข้างอยู่ในระดับตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ
2. แกว่งแขนซ้ายขวาสลับหน้าหลังขนานกับลำตัว มือทั้งสองข้างกำแบบหลวมๆ มือที่แกว่งสูงระดับอกในลักษณะที่ผ่อนคลาย งอศอกเล็กน้อย ทำมุมประมาณ 90 องศา ระหว่างแขนท่อนบน-ล่าง ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ กล้ามเนื้ออก และกล้ามเนื้อหลังส่วนบน
3. จังหวะความเร็วในการก้าวเท้าสม่ำเสมอตลอดระยะทางที่เดิน ไม่เดินทอดน่องหรือเดินตามสบาย การเดินที่ดี ต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่เดินๆหยุดๆ ซึ่งการเดินนั้น ควรต่อเนื่องระยะเวลา 20-30 นาที หากเป็นบุคคลที่เพิ่งเริ่มต้น ควรเริ่มจากเวลาน้อยๆ เช่น 5นาที เเล้วค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยๆ
4. เวลาเดินส้นเท้าสัมผัสพื้นรับน้ำหนักตัวก่อนปลายเท้า ก้าวเท้าออกไปประมาณครึ่งก้าวให้ส้นเท้าแตะพื้น แล้วถ่ายน้ำหนักตัวไปที่ฝ่าเท้า เหยียบพื้นให้เต็มฝ่าเท้า ส่วนขาอีกข้างเมื่อกำลังจะเคลื่อนย้ายให้ยกส้นเท้าขึ้นถ่ายน้ำหนักตัวลงที่ปลายเท้าซึ่งกดพื้นไว้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่เดิน จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อน่องและกล้ามเนื้อหน้าแข้ง เป็นการเดินเพื่อสุขภาพที่ถูกต้องและเสริมบุคลิกภาพด้วย
5. ความยาวของช่วงก้าวขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดิน ที่สำคัญจะต้องไม่พยายามก้าวยาวมากเกินไปเพราะจะมีผลทำให้เกิดความเมื่อยล้าที่กล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกเร็วกว่าปกติ
6. ควรเดินเร็วๆ ก้าวถี่ๆ เเกว่งเเขน เป็นการกระตุ้นร่างกาย เเละ ระบบหัวใจ หลอดเลือด ให้ทำงานเพิ่มขึ้นจากชีวิตประจำวันปกติธรรมดาทั่วไป ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจเเข็งเเรง เพิ่มความเเข็งเเกร่งของร่างกายได้เต็มที่
ขอบคุณ
แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ , หนังสือ คิดเอง ทำได้ ห่างไกลโรค