ในที่สุดก็เกิดกบฏต่อมหาเถร !!! "พระพุทธะอิสระ" โพสต์ เพราะเสียงแห่งความจริงมันเสียดแทงใจ อันที่จริงก็อยากให้เกิดเหตุขับไล่ ผล.สำนักพุทธอยู่เหมือนกัน

วันที่ 7 ส.ค. 2560 บนเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีข่าวที่ตัวแทนกลุ่มรักษ์ธรรมแปดริ้ว ยื่นหนังสือเลขาธิการมหาเถรสมาคม ตรวจสอบและพิจารณาทบทวนการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และยังกล่าวอีกว่าอยากเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผอ.สำนักพุทธดูเหมือนกัน เพราะอยากจะรู้ว่าสังคมจะทอดทิ้งข้าราชการที่ดีให้ไม่มีที่ยืนได้หรือ

ในที่สุดก็เกิดกบฏต่อมหาเถรจนได้
๗ สิงหาคม ๒๕๖๐

ในที่สุดก็เกิดกบฏต่อมหาเถร !!! "พระพุทธะอิสระ" โพสต์  เพราะเสียงแห่งความจริงมันเสียดแทงใจ อันที่จริงก็อยากให้เกิดเหตุขับไล่ ผอ.สำนักพุทธอยู่

วันที่ ๔ ส.ค. ๖๐ ที่ผ่านมา นายฉลอง หอมหวล ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์ธรรม เมืองแปดริ้ว ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เพื่อขอให้ ผอ.สำนักพุทธ ในตำแหน่งเลขาธิการมหาเถรสมาคมตรวจสอบและทบทวนพิจารณาการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราเสียใหม่ และพิจารณาความผิดทางการปกครองสงฆ์ของเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก และเจ้าคณะภาค ๑๒ แห่งวัดสระเกศ ที่มีการเสนอชื่อโดยมิชอบด้วยกฎมหาเถรสมาคม

ซึ่งนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้รับหนังสือแทน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักพุทธ
ประเด็นที่กลุ่มรักษ์ธรรมเมืองแปดริ้วหยิบยกมาค้าน คือความจริงที่มีในกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) หมวด ๒ ว่าด้วยการแต่งตั้งพระสังฆาธิการ
ข้อ ๖ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งตามข้อ ๔ ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้
(๑) มีพรรษาสมควรแก่ตำแหน่ง
(๒) มีความรู้สมควรแก่ตำแหน่ง
(๓) มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย
(๔) เป็นผู้ฉลาดสามารถในการปกครองคณะสงฆ์
(๕) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพไร้ความสามารถ หรือมีจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคเรื้อน หรือเป็นวัณโรคในระยะอันตรายจนเป็นที่น่ารังเกียจ
(๖) ไม่เคยต้องคำวินิจฉัยลงโทษในอธิกรณ์ที่พึงรังเกียจมาก่อน
(๗) ไม่เคยถูกถอดถอนหรือถูกปลดจากตำแหน่งใด เพราะความผิดมาก่อน

ท่านทั้งหลายเมื่ออ่านโดยถี่ถ้วนแล้วจะเห็นว่า ใน (๖) และ (๗) เป็นข้อห้ามที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะปกครองว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยต้องมลทินใดมาก่อน

ซึ่งพุทธะอิสระก็พยายามยกเอาข้อห้ามนี้มาคัดค้านอยู่ ๒ รอบแล้ว แต่คงจะทำอะไรไม่ได้กับพวกอย่างหนาที่มีอำนาจ ประมาณว่า กูจะตั้งเสียอย่างใครจะทำไม

มาวันนี้จึงมีกลุ่มรักษ์ธรรมแปดริ้วได้หยิบยกเอาประเด็นนี้มาคัดค้าน ซึ่งอาจจะเป็นผู้ทนเห็นการทำหน้าที่อย่างอยุติธรรมของกรรมการมหาเถรสมาคมบางคนและเจ้าคณะภาค ๑๒ ไม่ได้ จึงออกมาโวยวายคัดค้าน

ได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่า งานนี้ถ้า ผอ.สำนักพุทธรับหนังสือมาดำเนินการตามหน้าที่ ก็จะถูกพวกกรรมการมหาเถรบางคนและลิ่วล้อมหาเถร นำมาขยายผลเสนอหรือเรียกร้องให้ปลด ผอ.สำนักพุทธออกจากตำแหน่ง

แต่ถ้าหาก ผอ.สำนักพุทธ ไม่นำพาในหนังสือที่ร้องเรียนมาพิจารณาดำเนินการ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตาม มาตรา ๑๕๗ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งก็น่าเห็นใจคุณพงศ์พร ที่ต้องเป็นลูกแกะในท่ามกลางฝูงสุนัขป่า งานนี้น่าจะทำความลำบากใจให้กับ ผอ.สำนักพุทธไม่ใช่น้อย

ไหนจะเรื่องทุจริตเงินทอนวัดที่ทำให้พวกนักบวชจ่ายเงินทอนไม่ชอบขี้หน้า

ไหนจะเรื่องร้องเรียนความประพฤติที่เหลวแหลกของพวกอลัชชีที่มีมาแต่อดีต และมีอยู่ในปัจจุบัน

ไหนจะพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ของข้าราชการสำนักพุทธผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องสะสาง

แต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น ล้วนมีเหตุสร้างความขุ่นเคืองรำคาญให้กับพวกนักบวชผู้เสียผลประโยชน์ทั้งหลายมิใช่น้อย

นี่ยังไม่นับรวมกับพวกกองเชียร์ในและนอกดงขมิ้น รวมทั้งสื่อหลักสื่อรอง ที่เลือกข้าง พยายามจะโหมกระพือขับไล่ให้เปลี่ยนตัว ผอ.สำนักพุทธอยู่เนืองๆ
พิเคราะห์ดูสถานการณ์แล้ว น่าเป็นห่วง ผอ.สำนักพุทธ เป็นอย่างยิ่ง หากไม่ได้มาตรา ๔๔ มาช่วย งานนี้เห็นทีคงจะม้วยมรณาจากสำนักพุทธเป็นแน่
อันที่จริงพุทธะอิสระก็อยากให้เกิดเหตุขับไล่ ผอ.สำนักพุทธขึ้นเหมือนกันนะ

จะได้มาดูกันว่าสังคมจะยอมให้ข้าราชการที่ดี ซื่อสัตย์ ไม่มีที่เหยียบยืนเพื่อทำหน้าที่กระนั้นหรือ ซึ่งก็อยากให้มีการทำประชาพิจารณ์กันไปเลยระหว่างกรรมการมหาเถรที่ได้รับการแต่งตั้ง กับ ผอ.สำนักพุทธ สังคมจะเปลี่ยนใคร

เสียงแห่งความจริงมันจะรู้สึกเสียดแทงจิตใจเช่นนี้แหละ

ซึ่งจะต่างจากเสียงแห่งความเท็จ ฟังแล้วมันจะรู้สึกระรื่นหู สบายใจ

พุทธะอิสระ