น่าเสียดายชาติเกิด !!!! "พระพุทธะอิสระ" จัดหนักคนที่ตำหนิติด่า ..อ่านฉบับเต็มแล้วเผ็ด อย่ามาเสียเวลา รู้สึกสมเพช

สืบเนื่องจากมีการการวิพากษ์วิจารณ์ การออกมาแสดงความคิดเห็นของพระพุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย นครปฐม โดยระบุว่า พระฟ้องพระ พระพุทธองค์ไม่มีความหมายใช่ไหม


จึงทำให้ หลวงปู่พุทธะอิสระ (พระสุวิทย์ ธีรธมฺโมหรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ) วัดอ้อน้อย ได้โพสต์ข้อความโดยระบุว่า คอมเม้นท์นี้มีประเด็นให้ต้องขยาย
๘ สิงหาคม ๒๕๖๐
ท่านทั้งหลายลองอ่านคอมเม้นท์ของผู้ใช้นามแฝงว่า โออิชิ โมไฮ กะว่ายุ

โออิชิ โมไฮ กะว่ายุ 
เป็นอะไรกันหมดแล้วนี่ พระฟ้องพระ พระพุทธองค์ไม่มีความหมายใช่ไหม

ทีนี้ลองมาช่วยกันค้นหาดูซิว่าในอดีตเมื่อเกิดอธิกรณ์ขึ้นในหมู่สงฆ์
พระภิกษุผู้รู้เรื่องจะไปฟ้องใคร

จากหลักฐานในพระไตรปิฎกทั้งสาม จะปรากฏว่า
เมื่อมีภิกษุรูปใดรู้เห็นว่าภิกษุรูปใดละเมิดอาบัติ ประพฤติตัวไม่เหมาะสม มีการกระทำให้ชาวโลกติเตียน จนเป็นเหตุให้เกิด

ความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์ เป็นผู้ไม่ละอาย
พระภิกษุผู้รู้เห็นรูปนั้น จักนำเรื่องไปฟ้ององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า หรือไม่ก็โจทก์ขึ้นในท่ามกลางหมู่สงฆ์

 

น่าเสียดายชาติเกิด !!!! "พระพุทธะอิสระ"  จัดหนักคนที่ตำหนิติด่า ..อ่านฉบับเต็มแล้วเผ็ด อย่ามาเสียเวลา รู้สึกสมเพช


เมื่อทรงทราบเรื่องจึงทรงให้ประชุมสงฆ์ แล้วทรงเรียกตัวภิกษุผู้ละเมิดอาบัติสร้างเรื่องรูปนั้นเข้ามาซักถาม

เมื่อได้ทรงรับทราบความจริง จึงทรงตำหนิภิกษุผู้ไม่ละอายนั้นเป็นอันมากต่อหน้าที่ประชุมสงฆ์
หากการละเมิดอาบัติของภิกษุผู้ไม่ละอายนั้นไม่ถึงกับอาบัติปาราชิก ทรงปรับอาบัติแก่ภิกษุผู้ไม่ละอายนั้นตามแต่โทษที่ได้กระทำ

โดยอาบัติเช่น สังฆาทิเสส และอนิยต ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์และบุคคลควรเชื่อได้ คือ บุคคลที่อาจจะไม่ใช่ภิกษุก็ได้ มีส่วนร่วมในการระงับอธิกรณ์และลงทัณฑ์
ต่อมาเมื่อมีพระภิกษุสงฆ์สาวกมากขึ้น จึงมีพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุที่เป็นมหาเถระ ผู้รู้ทางธรรม เป็นพระธรรมธร
ภิกษุผู้เจนจบวินัย เป็นพระวินัยธร
คอยทำหน้าที่ตีความในข้อกังขาที่พระภิกษุมีต่อพระธรรมวินัยให้กระจ่างชัด แล้วชี้ถูก ชี้ผิด ให้ภิกษุผู้ละอายควรปฏิบัติ ส่วนภิกษุผู้ไม่ละอายก็จะถูกปรับโทษตามความผิด
นอกจากจะทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้รู้เห็นอาบัติฟ้องร้องได้แล้ว ยังทรงปรับอาบัติแก่ภิกษุผู้ปกปิดอาบัติหรือผู้รู้เห็นการปกปิดอาบัติเอาไว้ด้วย
มาถึงยุคปัจจุบันในสังฆมณฑล มีใครบ้างที่ทำหน้าที่ชี้ถูกชี้ผิดให้สังฆมณฑลยอมรับ
แม้แต่มหาเถรก็ไม่เห็นออกมาทำหน้าที่ชี้ถูกชี้ผิดอะไรเลย

ขนาดกรณีคดีธรรมกาย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงออกมาทำหน้าที่ชี้ให้มหาเถรและคณะสงฆ์ได้เห็นถึงพฤติกรรมความวิปริตผิดธรรม ผิดวินัย ไม่ละอายของพวกลัทธิธรรมกาย แล้ว พวกมหาเถรทำอะไรบ้าง
นอกจากจะไม่ทำอะไรแล้ว ยังยกเอาเรื่องนิกาย เรื่องคำว่าอิจฉา เรื่องคนละพวกเข้ามาอ้างโดยไม่ใยดีต่อหลักธรรมวินัย
ทั้งยังปล่อยให้อลัชชีลอยนวลจนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอย่างที่เห็นๆ
นี่ยังไม่รวมถึงสารพัดเรื่องร้องเรียน ต่อพฤติกรรมของพวกอลัชชีสมีที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ
ถามว่ามหาเถร เจ้าคณะปกครอง ทำอะไรได้บ้าง
น่าเสียดายชาติเกิด !!!! "พระพุทธะอิสระ"  จัดหนักคนที่ตำหนิติด่า ..อ่านฉบับเต็มแล้วเผ็ด อย่ามาเสียเวลา รู้สึกสมเพช

 

น่าเสียดายชาติเกิด !!!! "พระพุทธะอิสระ"  จัดหนักคนที่ตำหนิติด่า ..อ่านฉบับเต็มแล้วเผ็ด อย่ามาเสียเวลา รู้สึกสมเพช

ล่าสุดก็มีเรื่องร้องเรียนกันให้สนั่นเมืองไปว่า
พระเมือง พลวัฑโฒ หรือพระโพธิญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส เสพเมถุนกับผู้หญิง
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำมิชิแกน เสพเมถุน ถึงขนาดออดอ้อนกับสีกาคนสนิทว่าอยากจะมีลูกสาว เพราะรักเด็กผู้หญิง
ตามมาติดๆ ด้วยเจ้าอาวาสวัดเขาวงพรหมจรรย์ หมู่ ๑ ตำบลวังหิน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ที่เลี้ยงผู้หญิงคนสนิทเอาไว้ใช้แก้เหงา แถมยังสารภาพกับคนใกล้ชิดว่า ตนขาดผู้หญิงไม่ได้เพราะเป็นคนขี้เหงา

เรื่องเหล่านี้ ชาวบ้านเขาร้องเรียนไปยังเจ้าคณะปกครองและกรรมการมหาเถรสมาคมจนนับครั้งไม่ถ้วน จนเขาสิ้นหวัง ถึงขนาดยกขบวนมาร้องเรียนต่อพุทธะอิสระ
ถามว่ามหาเถรทำอะไรบ้าง

นอกจากจะไม่ทำอะไรแล้วยังมีหน้ามาตำหนิติว่าผู้ฟ้อง ผู้ร้องเรียนอีก
เมื่อคณะสงฆ์ ศาลสงฆ์ ไม่เป็นที่พึ่งของสังฆมณฑลและชาวบ้าน เขาก็ต้องหันไปพึ่งศาลสถิตยุติธรรมทางโลก หรือจะให้ไปฟ้องศาลพระภูมิ

 

น่าเสียดายชาติเกิด !!!! "พระพุทธะอิสระ"  จัดหนักคนที่ตำหนิติด่า ..อ่านฉบับเต็มแล้วเผ็ด อย่ามาเสียเวลา รู้สึกสมเพช

ดูพวกคุณจะชมชอบกับพฤติกรรมของอลัชชีผัวชาวบ้านที่มาอาศัยผ้าเหลืองหาเลี้ยงลูกเมียเสียจริง
ทีหลังถ้าพวกคุณจะเข้ามาคอมเม้นท์ด่าอะไรฉัน ก็ควรจะต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน
อย่ามโนเอามันและสร้างบาปให้กับจิตตัวเองมากนัก มันน่าเสียดายชาติเกิด
ว่างนักก็ไปตามตัวเจ้าลัทธิผีบุญของพวกคุณมามอบตัวดีกว่า
อย่างมาเสียเวลามาตำหนิติด่าฉันอยู่เลย รู้สึกสมเพช

 


อ้างอิงจาก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)