- 10 ส.ค. 2560
ปิดช่องโหว่!องค์กรชุมชนจับมือสหกรณ์พัฒนาระบบบัญชี
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU.) ระหว่างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์ขนาดเล็กต่างๆ ทั่วประเทศสามารถจัดทำระบบบัญชีและงบการเงินได้ โดย ที่ผ่านมา พอช.ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามความโครงการบ้านมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2546 โดยสนับสนุนให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนรวมกลุ่มกันพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งในเมืองและชนบททั่วประเทศ จนถึงปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้วประมาณ 1,014 โครงการ จำนวน 2,049 ชุมชน ซึ่งในการดำเนินโครงการบ้านมั่นคง รวมทั้งโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองในกรุงเทพฯที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ชุมชนต่างๆ เหล่านี้จะต้องรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์เคหสถานขึ้นมาเพื่อบริหารโครงการ ทั้งในเรื่องของการเสนอขอใช้สินเชื่อจาก พอช. การนำสินเชื่อไปใช้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย การบริหารจัดการโครงการ การผ่อนชำระสินเชื่อ ฯลฯ โดยในปัจจุบันมีการจัดตั้งสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่น คงทั่วประเทศประมาณ 400 สหกรณ์ฯ
“ที่ผ่านมาสหกรณ์บ้านมั่นคงเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะบริหารจัดการด้านสหกรณ์และจัดทำบัญชีกันเองและอาจขาดการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง จึงอาจทำให้การบริหารจัดการไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นการลงนามในบันทึกความร่วมมือในวันนี้ จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาสหกรณ์ รวมทั้งพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์และการจัดทำบัญชีภายใต้โครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศ รวมทั้งสหกรณ์เคหสถานชุมชนริมคลองในกรุงเทพฯ ให้มีความเข้มแข็ง มีระบบบริหารจัดการที่ดี มีความโปร่งใส ทั้งในด้านระบบบัญชีและการเงิน และสามารถนำข้อมูลบัญชีไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการสหกรณ์ได้ต่อไป” นายสมชาติกล่าว
นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้เป็นการบูรณา การความร่วมมือในการให้การศึกษาและพัฒนาเพื่อให้สหกรณ์ต่างๆ สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ เนื่องจากปัจจุบันมีสหกรณ์ขนาดเล็กจำนวนมากไม่ได้จัดจ้างผู้ทำบัญชีหรือมอบหมายให้มีผู้ทำบัญชีหรือมอบหมายให้กรรมการจัดทำบัญชี แต่บุคลากรเหล่านี้ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี ทำให้มีสหกรณ์จัดทำบัญชีและงบการเงินไม่ได้จำนวนมาก ส่งผลให้สหกรณ์ไม่สามารถนำข้อมูลบัญชีไปใช้ในการบริหารจัดการสหกรณ์ได้ และไม่สามารถส่งงบการเงินให้ตรวจสอบบัญชีได้
“หลังการลงนามในวันนี้แล้ว ทั้ง 7 หน่วยงานจะประสานความร่วมมือให้บุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันพัฒนาบุคลากรด้านบัญชี โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จะให้การสนับสนุนด้านวิทยากรในการให้ความรู้ด้านการจัดทำบัญชีและงบการเงินแก่สหกรณ์ ทั้งการจัดทำบัญชีด้วยมือ และการทำบัญชีด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงข้อมูลสถานะการจัดทำบัญชีและศักยภาพการจัดทำบัญชีของสหกรณ์ ส่วนกรมส่งเสริมสหกรณ์จะสนับสนุนวิทยากรให้ความรู้ด้านการดำเนินกิจการของสหกรณ์ รวมถึงกำกับดูแลการจัดทำบัญชีและงบการเงินของสหกรณ์ให้ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และเกิดความโปร่งใส เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้สหกรณ์จัดทำบัญชีและงบการเงินได้” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กล่าว